อำนาจเก่า-พรรคเก่าแก่ หลงตัวเอง-หลอกตัวเองไม่ปรับวิธีคิด แพ้ตลอด! ต้องรู้จักการเป็นฝ่ายให้

By : เอกยุทธ อัญชันบุตร

ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ทำให้เห็นปรากฏการณ์ "แลนด์สไลด์" ที่ "พรรคเพื่อไทย" ชนะขาดแบบถล่มทลาย...ทำให้มองเห็นถึง "จุดอ่อน-จุดด้อย" ของเครือข่ายอำมาตย์ที่ชัดเจน...อีกครั้ง

จะเห็นว่า...ก่อนหน้านี้ในยุคที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ยังเรืองอำนาจ...ก็มีการใช้อำนาจแบบ "เหลิงอำนาจ" ไม่เห็นหน้าใคร-ไม่เห็นหัวใคร จนเกิดการกระทบกระทั่งกับ "ศูนย์อำนาจเก่า" และในที่สุดก็โดน "ปฏิวัติรัฐประหาร" ทำให้กระเด็นกระดอนหลุดจากตำแหน่ง

เปิดทางให้ "ศูนย์อำนาจเก่า" ใช้ "อำนาจ" ผ่าน "บรรดาขิงแก่" ที่ก็ไม่ได้แตกต่างกัน เพราะมัวแต่หมกมุ่นและคิดแต่ว่า "พวกพ้องตัวเอง" เก่ง-ดีเลิศ...ฝ่ายเดียว และถนัดแต่เรื่อง "สร้างภาพ" แต่ความจริงก็คือ “พวกไร้ฝีมือ” จนทำให้ "คนดี-คนเก่ง" ไม่มีใครอยากเสนอตัวเข้าไปช่วยงาน จึงทำให้ “ผลงาน” ไม่ประสบความสำเร็จ...ไม่เข้าตากรรมการที่เป็น “ประชาชนคนดู”

เหตุผลหลักของพวก “จอมสร้างภาพเก่ง” ก็คือ “แต่ละคน” มักมีอีโก้สูง-ชอบดูถูกผู้คน-ระวังตัวจนเกินเหตุ...ที่สำคัญคือ “ไม่กล้าจัดการกับเรื่องทุจริต” อย่างจริงจัง

พอจับผลัดจับพลู มี “รัฐบาลนอมินี-รัฐบาลแฟมิลี่” ภายใต้ร่มเงาของ “นักโทษทักษิณ” ถึง 2 ครั้ง 2 ครา...แต่สุดท้ายก็โดน “เตะสกัดจุด” ด้วย “พลังพิสดาร” ที่ทำให้เกิดรายการงูเห่า-คนทรยศ เปลี่ยนขั้วให้ “พรรคเก่าแก่” ได้ก้าวมาบริหารชาติบ้านเมือง

โดย “คนรูปหล่อ” มีโอกาสขึ้นมาบริหารประเทศ ท่ามกลางการตั้งความหวังของ “หลายคน” ที่เห็นว่าเป็น “คนรุ่นใหม่” ที่คงกล้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศ

แต่กลายเป็นว่า “คนรุ่นใหม่รูปหล่อ” ก็มีหลักคิด-หลักการทำงานไม่แตกต่างไปจาก “คนรุ่นเก่าขิงแก่” เลย เพราะรูปแบบและวิธีการในการบริหารงานและการคิดเกมต่อสู้กับ “ฝ่ายตรงข้าม” ที่มี “นักโทษทักษิณ” เป็นผู้บงการเกมนั้น...ยังยึดรูปแบบเดียวกันคือ “ไม่กินแบ่ง-แต่กินรวบเฉพาะพวกตัวเอง” แถมยังมอง “คนอื่นที่คิดต่าง” เป็นศัตรูและมองอย่างดูถูกดูแคลนตลอด...จึงเป็นที่มาที่แสดงให้เห็นว่า “สังคมไทย” ยังมี “ชนชั้น” อยู่นั่นเอง จึงไม่แปลกที่ “คนกลุ่มนี้” เมื่อต่อสู้ตามกติกา...มักจะเป็นฝ่าย “แพ้พ่าย” ตลอด ทั้งๆ ที่ “มีอำนาจในมือแท้ๆ”

เมื่อเจาะลึกไปถึง “วิธีการ” ก็พบว่า แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่ “นักโทษทักษิณแอนด์เดอะแก๊งค์” ดำเนินการ...เพราะหากใครเลือกอยู่ฝั่งนี้ และกล้าแสดงตัว-กล้าแสดงออก-กล้าแสดงผลงานให้เข้าตา ไม่ว่าจะผิดหรือถูก จะมี “ตำแหน่ง-เงินทอง-ความก้าวหน้าในอาชีพ” มาประเคนให้ถึงที่แบบไม่ต้องมาเหนียมอายกันเลย

นี่จึงเป็นที่มาที่เป็น “คำตอบ” ว่าทำไม “ระบอบทักษิณ” ถึงยังเป็นที่รักและเชิดชูอยู่ เพราะ “เขา” สามารถตอบโจทย์เรื่อง “ระบบสวามิภักดิ์” ได้ดีกว่า “ศูนย์อำนาจเก่า” และ “พรรคเก่าแก่” นั่นเอง

ไม่เท่านั้น นอกเหนือจาก “ขั้วอำนาจทักษิณ” ที่ถนัดในเรื่องการใช้อำนาจที่มี “ผลประโยชน์ต่างตอบแทน” แล้ว...ยังถนัดในเรื่องการใช้สื่อ ให้เนียนแบบมืออาชีพอีกด้วย

ที่ผ่านมา...จะเห็น “สื่อหลักที่ทำตัวเป็นอีแอบ” ในยุค “ขิงแก่-พรรคเก่าแก่” กุมอำนาจ...แต่เมื่อเห็นว่า อำนาจกำลังหลุดลอย “สื่อหลักเหล่านี้” ก็เลิกทำตัวเป็น “อีแอบ” แต่หันมาเชลียร์-เปิดหน้าเปิดตัวกันอย่างออกนอกหน้า...โดยไม่สนใจว่า “ความจริง-ความถูกต้อง” คืออะไร??? เพราะมันคุ้มกับการแลกมาด้วย “ผลประโยชน์ตอบแทน” ในรูปของ “สปอนเซ่อร์” นั่นเอง

นี่เป็น “ความจริงของสังคมไทย” ที่ยึด “ตัวกู-ของกู” มากกว่า “ศักดิ์ศรี-ความถูกต้อง” เหมือนที่แต่ละค่ายมักหยิบมากล่าวอ้าง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง “ดูดี”

หาก “ศูนย์อำนาจเก่า” และ “พรรคเก่าแก่” ไม่รู้จัก “ปรับวิธีคิด” เสียใหม่ เพื่อให้ก้าวทันกับ “โลกยุคใหม่” ต่อให้สู้อีกกี่สิบครั้ง-ร้อยครั้ง...ก็มีแต่คำว่า “แพ้” และการพ่ายแพ้ของ “พรรคเก่าแก่” ในครั้งนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่แปลกประหลาด เพราะ “คนในพรรค” ต่างก็รู้มานานแล้วว่า “เดินผิดทาง-เดินหลงทาง” คิดเข้าข้างตัวเองว่า “เดินมาถูกทางแล้ว”

ที่สำคัญ...แทนที่จะยอมรับความจริงและกล้ายอมรับในสิ่งที่ “ตัวเองคิดผิด” ก็พยายามหาเหตุผลเพื่อ “ยกตัวเอง” ให้ดูดี และ “หลงตัวเอง” ว่าทำดีที่สุดแล้ว โดยไม่คิดโทษ “กลยุทธ์ตัวเอง” เลยว่า “ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น”

ยิ่งสังคมในยุคนี้ เริ่มมีการพัฒนาและต่อสู้กันทางกฎหมายมากขึ้น แต่แทนที่จะ “ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย” ในยามที่ตัวเองมีอำนาจ...ก็ไม่ได้ทำ แต่กลับปล่อยให้หลายๆ อย่างผ่านเลยไป จนทำให้ “กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์” แถมใครมีแก๊งค์-มีก๊วน พอจะมาปิดถนนหนทาง ก็สามารถทำได้สะดวกโยธิน...ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร และทำให้ “สังคม” เห็นเองว่า “สองมาตรฐาน” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

บทสรุปของงานนี้ สะท้อนให้เห็นถึง “แนวคิด” ของ “ศูนย์อำนาจเก่า + พรรคเก่าแก่” ที่เป็นตัวแทนฝ่ายอำมาตย์ ที่ต่อสู้กับ “ศูนย์อำนาจใหม่” ที่มี “นักโทษทักษิณ” เป็นผู้กุมอำนาจตัวจริง-เสียงจริง...ได้เป็นอย่างดีว่า “กลยุทธ์-วิธีการ” ในการคิดและการต่อสู้นั้น...เมื่อไม่คิดเป็น “ผู้ให้” (บ้าง) แต่มุ่งจะเป็น “ผู้รับ” (ข้างเดียว) มันจึงต้องมีจุดจบแบบนี้นั่นเอง

แถมเมื่อเป็นฝ่ายแพ้พ่ายจริงๆ ก็ยังไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง แต่ดันหาข้อแก้ตัวและมัวไปโทษคนอื่น...นี่แหละ “ขี้แพ้ตัวพ่อ-ขี้แพ้ของจริง” !!!