Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews : EGCO เล็งกำไรปีนี้โต 6% เจรจาซื้อโรงไฟฟ้า2-3 ดีล

4,326

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (23 สิงหาคม 2561)

 

EGCO คาดกำไรจากการดำเนินการปีนี้โต 6%  เล็งผลงาน Q3/61 โตกว่า Q2/61 เหตุบาทเเข็ง-ไร้แผนหยุดซ่อมโรงไฟฟ้า   แย้มอยู่ระหว่างเจรจา M&A  โรงไฟฟ้าฟอสซิล - พลังงานทดแทน ทั้งในปท.-เอเชียแปซิฟิก 2-3 ดีล คาดได้ข้อสรุปภายในปี เผยอยู่ระหว่างหาพันธมิตรก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่โรงไฟฟ้าระยอง ขนาด 500 ไร่  พร้อมรุกหาโรงไฟฟ้าใหม่มาทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่ขายไป

 

นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) EGCO เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2561 มีแนวโน้มเติบโตกว่าไตรมาสที่ 2/2561 เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่ากว่าช่วงไตรมาส 2/2561 ที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ 33.40 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลกระทบให้ผลประกอบการพลิกขาดทุนราว 5,300 ล้านบาท ประกอบกับในไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทฯไม่มีแผนที่จะหยุดซ่อมโรงไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้โรงไฟฟ้าของบริษัทฯสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ทุกโครงการ โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์รวม 26 โครงการ ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ,ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย ,ออสเตรเลีย โดยมีกำลังการผลิตรวม 4,260 เมกะวัตต์

 

"เราคาดว่าไตรมาส 3/2561 ผลการดำเนินงานของเราจะโตกว่าไตรมาส 2/2561 เพราะว่าค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า ซึ่งเมื่อไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 33.4 บาท/ดอลล์ ทำให้เราพลิกขาดทุนกว่า 5,300 ล้านบาท แต่สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ก็ต้องขึ้นกับค่าเงินบาท ถ้าบาทแข็งก็นับว่าส่งผลดีกับเรา" นายจักษ์กริช กล่าว

 

 


ขณะที่คาดว่าในปีนี้กำไรจากการดำเนินงานจะเติบโต 6% จากปี 2560 อยู่ที่ 9,260 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ที่สปป.ลาว จากการที่สภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย โดยที่ผ่านมาได้หยุดไป 2 ช่วง ช่วงแรกประมาณปลายเดือนกรกฎาคม ราว 16-17 วัน และช่วงที่สองประมาณกลางเดือนสิงหาคม และเพิ่งจะเริ่มเดินเครื่องต่ออีกครั้งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯมองว่าการหยุดเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าน้ำเทินไม่ได้ส่งผลกระทบกับบริษัทฯแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงมีการเดินหน้าลงทุนในโครงการใหม่ๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังหาเพื่อเป็นการทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม ได้แก่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด(มหาชน)หรือ EASTW ,บริษัท จีเดค จำกัด และโรงไฟฟ้ามาซินลอค ฟิลิปปินส์ ที่บริษัทฯได้มีการขายหุ้นทั้งหมดไปเมื่อไตรมาส1/2561

 

พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมองหาโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งโครงการที่ได้มีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว และโครงการ Greenfield ทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ราว 2-3 ราย ขนาดกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งทางบริษัทฯมีความคาดหวังว่าจะสามารถได้ข้อสรุปทั้งหมด

 

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ในการร่วมมือกันก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมในโรงไฟฟ้าจังหวัดระยอง มีพื้นที่กว่า 500 ไร่ ซึ่งได้หมดอายุสัญญาในการซื้อขายไฟฟ้าแล้ว โดยการก่อสร้างนิคมฯดังกล่าวบริษัทฯคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

 


ด้านนายดนุชา สิมะเสถียร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน กล่าวว่า สำหรับแหล่งเงินทุนในการลงทุนขยายธุรกิจ ปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดในมือราว 30,000 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1 เท่า และจะรักษาให้อยู่ในระดับไม่เกิน 3 เท่า อีกทั้งบริษัทฯยังมีความสามารถในการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีกราว 200,000 ล้านบาท ซึ่งทำบริษัทมั่นใจว่ามีเงินเพียงพอในการรองรับการลงทุนดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น

 

 

ส่วนงบลงทุนในปีนี้ บริษัทได้เตรียมไว้ที่ 12,000 ล้านบาท โดยมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ 3,000 ล้านบาท และอีก 9,000 ล้านบาทมาจากการกู้สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้ไปแล้วในปีนี้ 800 ล้านบาทปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี,น้ำเทิน 1 ในสปป.ลาว และโรงไฟฟ้า "ซานบัวนาเวนทูรา" ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุนรวม 544 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2562 และปี 2565 ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน 4,804 เมกะวัตต์

 

นายจักษ์กริช กล่าวเสริมว่า “เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้น ตามแผนกลยุทธ์ ที่วางไว้ โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญ และเน้นขยายธุรกิจในต่างประเทศที่มีฐานอยู่แล้วและสามารถขยายตลาดได้อีก รวมทั้งแสวงหาโอกาสขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและการพัฒนาโครงการประเภท Greenfield สำหรับ การลงทุนในประเทศ บริษัทฯ มีความพร้อมสำหรับการลงทุนตามนโยบายของภาครัฐและแผนพัฒนากำลัง การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี) ที่กำลังปรับปรุงใหม่”

 

 

สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 17,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 11,313 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 174 หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปี 2561 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ จำนวน 2,364 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 5,894 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 167 โดยมีสาเหตุหลักจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท และจ่ายเงินปันผลพิเศษ ในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นหุ้นละ 6 บาท ในวันที่ 14 กันยายน 2561

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

DELTA พาSETเด้ง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ใครกัน ลาก กระชาก หุ้นDELTA พาSET เด้ง งานนี้ บริษัท DELTA ไม่รู้ แต่ ฝ่าย...

MMM ต้อนรับคณะนักลงทุน IAT อัปเดตแผนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น ก่อนเทรดตลาด mai

MMM ต้อนรับคณะนักลงทุน IAT อัปเดตแผนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น ก่อนเทรดตลาด mai

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้