คาด SET Indexแกว่งตัวออกข้าง: แรงหนุนจากการหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา และความคลายกังวลการเจรจาการค้ากับสหรฐั ฯ อีกทั้งมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากความพยายามของธปท.ในการสกัดการแข็งค่าของเงินบาท หากแต่มองทางขึ้นจำกัดท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีน และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง
แนวรับ-ต้าน
1,250 –1,270
กลยุทธ์การลงทุน
1) Window dressing: AMATA, SIRI, SPALI
2) Santa rally: CPN, GULF, GUNKUL
3) ไทย-กัมพูชาสงบศึก: AEONTS, CBG, OR
4) เข้าคำนวณ SET50/100 รอบ 1H69: CENTEL50,SAWAD50, GFPT100, PTG100, STECON100
5) หุ้นรับเลือกต้ัง 69: ADVANC, BJC, CPALL, KTB,MAJOR, SCB, TISCO, TRUE
6) Yield play: AP, ICHI, KKP, TCAP, TFG, WHA
ไทยมีสัญญาณดี แต่จีนมีสัญญาณน่ากังวล
ไทย-กัมพูชาสงบศึก สหรัฐฯร่วมยินดี: คาด Sentiment เชิงบวกมาจากความคลายกังวลต่อสถานการณ์สู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังการประชุม GBC ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงให้การหยุดยิงโดยทันที่ โดยมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงของวนั ที่ 27 ธ.ค.68 ซ่ึงครอบคลุมอาวธุ ทุกประเภทรวมถึงการโจมตีต่อพลเรือน วัตถุพลเรือน และโครงสร้างพื้นฐานตลอดจนเป้าหมายทางทหารของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกทั้งยังให้ติดตามเฝ้าสังเกตการณ์การหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชม. เพื่อยืนยันว่าการหยุดยิงเกิดข้ึนจรงิและมีความต่อเนื่อง นอกจากนี้การหยุดยิงข้างต้นยังมีแนวโน้มช่วยคลายความกังวลต่อสถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ท่ามกลางสัญญาณเชิงบวกจากการที่สหรัฐฯได้เผยแพร่แถลงการณ์จากรมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งแสดงถึงความยินดีกับการประกาศของกัมพูชาและไทยเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงซ่งึยุติการสู้รบตามแนวชายแดนภายหลังการประชุม GBC
ความหวังธปท.ช่วยสกัดบาทแข็ง: คาดอีก Sentiment เชิงบวกมาจากความพยายามของภาครัฐ โดยเฉพาะธปท.ในการแก้ไขปัญหาการแข็งค่าของสกุลเงินท้องถิ่น หลังธปท.ได้ออกหนังสือเวียนเรื่องการซักซ้อมวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการท าธุรกรรมเงินตราต่างประเทศกับลูกค้าเพื่อให้สามารถตรวจสอบเอกสารการน าเงนิเข้าประเทศซึ่งครอบคลุมทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล (Nonresident)ในประเทศ โดยก าหนดเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธุรกรรมตั้งแต่$2 แสนขึ้นไป และมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ความกังวลภาวะเศรษฐกิจจีน และราคาน้ามันดิบร่วง: มองทางขึ้นจำกัด ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีน หลังจีนเผยกำไรในภาคอุตฯเดือนพ.ย.68 ลดลง 13.1% y-y แย่ลงจากการลดลง 5.5%y-y ในเดือนต.ค.68 สะท้อนแรงกดดันที่ภาคธุรกิจเผชิญจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซา ประกอบกับยังมีความกังวลต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังจีนประกาศคว่าบาตรบริษัทในอุตฯป้องกันประเทศของสหรัฐฯ 20 แห่ง และผู้บริหารอีก 10 คน เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.68เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯเดินหน้าขายอาวุธให้ไต้หวัน นอกจากนี้ คาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะถูกกดดันตามราคาน้ำมันดิบ WTI ในวันศุกร์ที่ปรับตัวลง 2.76% ปิดที่ $56.74 ต่อบาร์เรล ท่ามกลางความกังวลอุปทานล้นตลาด และข้อตกลงสันติภาพยูเครน-รสั เซยีที่อาจเกิดข้ึนในระยะอันใกล้
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+)ธปท. เปิดตัว “โครงการกลไกการค้าประกันสินเชื่อ: SMEs Credit Boost” ที่เป็นกลไกค้าประกันความเสี่ยงส าหรับสินเชื่อใหม่ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการ
ปรับลดเงินนำส่งเข้า FIDF ปี 2569 ของธนาคารพาณิชย์ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทซึ่งคาดว่าจะช่วยให้มีสินเชื่อปล่อยใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ1 แสนล้านบาทในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.69
(+)ตลท.ขยายระยะเวลารับสมัครและการน าส่งแผนงานของบจ.ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ Jump+ จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค.68 เป็นวันที่ 31 มี.ค.69 ทั้งนี้เดิมตั้งเป้าให้มีบจ.เข้าร่วมประมาณ 50-100 บริษัท แต่ปัจจุบันมีบจ.สมัครเข้าร่วมแล้วมากกว่า 104 บริษัท และคาดว่า จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
(+)ททท.เผยภาพรวมการท่องเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่2569 คาดว่าจะมีจ านวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 4.96 ล้านคน-ครั้งเพิ่มขึ้น7% มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น7%
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วัชรพล สร้างกุศล – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์