Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

105

 

 
การทยอยซื้อหุ้นคืนหนาแน่นขึ้นในเดือน ธ.ค.68

HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (เปิดทำการครึ่งวัน) ขยับขึ้นราว 0.2% - 0.6% หนุนดัชนีS&P500 พุ่งทำ ATH ก่อนวันคริสต์มาส หลังได้รับแรงหนุนจากตลาดแรงงานสหรัฐฯส่งสัญญาณแข็งแกร่ง โดยยอดขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ลดลงล่าสุดอยู่ที่214,000 ราย นอกจากนี้ยังมีความคาดหวัง FED ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2026 (DOTPLOT คาด 1 ครั้ง) พร้อมกับความเชื่อมั่นว่ากำไรบริษัทจะขยายตัวต่อเนื่อง
• อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสทำให้ตลาดหุ้นหลายแห่งปิดทำการ โดยวันที่25 ธ.ค. 68 ตลาดหุ้นหลักเกือบทั่วโลกปิดทำการเต็มวันราว 80-90% อาจทำให้บรรยากาศการซื้อขายเงียบเหงาในตลาดหุ้นที่ยังเปิดทำการอยู่ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้เปิดทำการด้วยมูลค่าซื้อขายที่เบาบาง ลดลงราว 44% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 20 วัน
• พรุ่งนี้มีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. คาดว่าขยายตัว +2.3%YOY

 


REGION RADAR
• ภาพรวมของ ROBOTAXI คาดตลาด ROBOTAXI มีมูลค่าที่ $5.2พันล้าน แต่ภายในปี 2033 ตลาด ROBOTAXI จะมีการเติบโตสู่ระดับ$4.50 แสนล้าน คิดเป็นการเติบโต CAGR ที่ระดับ 70%
• ด้านตลาด ROBOTAXI ในจีนจะมีการเติบโตที่โดดเด่นกว่าจากการสนับสนุนอย่างจริงจังจากรัฐบาล โดยบริษัทที่มีพัฒนาการด้านROBOTAXI มากที่สุดในจีน ได้แก่ APOLLO GO (BAIDU) และPONY PILOT (PONY AI) รวมถึง TESLA (DR: TSLA80) และBAIDU (DR: BIDU80) ที่แนะนำทยอยสะสมระยะกลางยาว


THAI FOCUS
• เช้านี้ 9.30 น. ลุ้นตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย. คาดขยายตัว +8.9% YOYสอดคล้องกับเพื่อนบ้าน (เวียดนาม, เกาหลีใต้) ที่ฟื้นตัวเด่น หากตัวเลขออกมาดี จะช่วยพยุง GDP ปี 2568 ให้ทรงตัวระดับเดิมได้
• 1 ม.ค. 69 ยกเลิกการยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500บาท โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นอาจโดนอากรสูงถึง 30% แก้ปัญหาสินค้าจีนราคาถูกล้นตลาด กลยุทธ์เลือก CRC รับอานิสงส์กลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์HMPRO, DOHOME รับอานิสงส์กลุ่มของใช้ในบ้าน

 


SYNAPSE STRATEGY
• ตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่ หยุดในวันนี้ ทำให้มูลค่าซื้อขายของตลาดหุ้นที่เปิดอยู่ รวมถึงไทยมีโอกาสเบาบางกว่าปกติ
• ส่วนตลาดหุ้นไทย เดือน ธ.ค. 68 มีการทยอยซื้อหุ้นคืนมาแล้ว 23บริษัท มูลค่า 4 พันล้านบาท (สูงสุดในรอบ 5 เดือน) หนุนปีนี้ซื้อหุ้นคืนแล้ว 3.7 หมื่นล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์จึงแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีแรงสนับสนุนจากการซื้อหุ้นคืนถี่ๆในเดือนนี้มาชดเชยมูลค่าซื้อขายที่บางเบาลง ที่กราฟเริ่มฟื้นตัว อย่าง CPF, STGT,MAJOR, BTG, BEYOND, SFLEX, INSET


HORIZON MARKET VIEW
SANTA CLAUS RALLY กำลังทำงาน
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (เปิดทำการครึ่งวัน) ขยับขึ้นราว 0.2% -0.6% หนุนดัชนี S&P500 พุ่งทำสถิติ ALL TIMEHIGH ก่อนวันคริสต์มาส หลังได้รับแรงหนุนจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณแข็งแกร่ง โดยยอดขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ล่าสุดอยู่ที่ 214,000 ราย ลดลงต่ำกว่าตลาดคาดที่ 224,000 ราย นอกจากนี้ยังมีความคาดหวัง FED ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2026 (มากกว่าคาดการณ์ DOT PLOT 1 ครั้ง) พร้อมกับความเชื่อมั่นว่ากำไรบริษัทจะขยายตัวต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสทำให้ตลาดหุ้นหลายแห่งปิดทำการโดยวันที่ 24 ธ.ค. 68 ตลาดหุ้นปิดทำการเต็มวันราว20-30%, วันที่ 25 ธ.ค. 68 ตลาดหุ้นหลักเกือบทั่วโลกปิดทำการเต็มวันราว 80-90%,วันที่ 26ธ.ค. 68 ตลาดหุ้นปิดทำการเต็มวันราว30-40%อาจทำให้บรรยากาศการซื้อขายเงียบเหงาในตลาดหุ้นที่ยังเปิดทำการอยู่

ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ เปิดทำการด้วยมูลค่าซื้อขายที่เบาบาง ลดลงราว 44% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 20 วันส่วนประเด็นที่น่าติดตามในวันพรุ่งนี้คือ การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. 68 โดย CONSENSUS คาดว่าขยายตัว +2.3%YOY ลดลงจากเดือนก่อนที่ 2.7%YOY ทั้งนี้ หากชะลอตัวลงตามคาด อาจเปิดโอกาสให้นายกฯ SANAE TAKAICHI กดดัน BOJ ให้รอการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป ซึ่ง BLOOMBERG คาดว่า BOJ จะรอจนถึง ก.ค. 69 ก่อนปรับขึ้นอีกครั้ง


สำหรับแง่มุมโอกาสเกิดเศรษฐกิจ RECESSION ในอีก 1 ปีข้างหน้าของ BLOOMBERG พบว่ามีการปรับลดคาดการณ์ลงในหลายประเทศ นำโดยสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, ยุโรป, อังกฤษ, ไทย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย เป็นต้นตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูดี บวกกับโอกาสเกิด RECESSION น้อยลง อาจต้องแลกความคาดหวังในการปรับลดดอกเบี้ยที่ยืดเวลาออกไป โดยล่าสุด FEDWATCH TOOL คาด FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปีหน้าต่อไปในปีหน้าช่วงไตรมาส 2 (เดิมคาดช่วงไตรมาส 1) และความน่าจะเป็นในการปรับลดอกเบี้ย

 

REGION RADAR
ROBOTAXI เป็น THEME ที่น่าสนใจในปี 2026
ROBOTAXI คือ แท็กซี่ไร้คนขับ มีการใช้เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จะพาผู้โดยสารไปจากจุดนึงไปยังอีกจุดนึงโดยไม่มีคนขับอยู่ในรถ ซึ่งระบบการทำงานของ ROBOTAXI ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. ระบบSENSOR ซึ่งประกอบด้วย กล้องและ LIDAR เพื่อการมองเห็นถนน คน หรือสิ่งกีดขวางต่างๆ 2. ระบบSOFTWARE ขับขี่อัตโนมัติ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์และตัดสินใจในการเลี้ยวซ้าย ขวา หรือเบรก และ 3.แผนที่ความละเอียดสูงเพื่อใช้ระบุตำแหน่งและสภาพถนนได้อย่างแม่นยำ ภาพรวมของ ROBOTAXI กำลังเข้าสู่ช่วงMASS ADOPTION และจะมีการเติบโตในระดับที่สูง โดยในปี 2025 คาดตลาด ROBOTAXI มีมูลค่าที่ $5.2พันล้าน แต่ภายในปี 2033 ตลาด ROBOTAXI จะมีการเติบโตสู่ระดับ $4.50 แสนล้าน คิดเป็นการเติบโต CAGR ที่ระดับ 70%

ขณะที่ตลาด ROBOTAXI ของประเทศจีนจะมีการเติบโตที่โดดเด่นกว่าภาพรวมการเติบโตของ ROBOTAXI ทั่วโลก ซึ่งในปี 2025-2035 คาดจะมีการเติบโต CAGR ที่ระดับ 96% หนุนจากการสนับสนุนอุตสาหกรรม ROBOTAXI อย่างเต็มที่จากทางรัฐบาลจีน


จีนได้ออกนโยบายสนับสนุน ROBOTAXI อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา อาทิ ในปี 2022 รัฐบาลจีนได้มีการประชุมแผน 5 ปี ฉบับที่ 14 ระบุให้ระบบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องสนับสนุนอย่างจริงจัง

 

การเติบโตของ ROBOTAXI จีนในปี 2026-2030 จะเน้นอยู่ใน TIER-1 CITY เป็นหลัก (BEIJING, SHANGHAI,SHENZHEN, GUANGZHOU) โดยในตลาด ROBOTAXI ของจีนมีผู้เล่นอยู่ 2 บริษัทที่มีพัฒนาการด้านROBOTAXI มากที่สุด ได้แก่ APOLLO GO (BAIDU) และ PONY PILOT (PONY AI)

สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนในธีม ROBOTAXI ได้แก่ TESLA (DR: TSLA80) จากการเป็นผู้เล่นด้าน ROBOTAXI ที่มีความน่าสนใจในระดับโลก และ BAIDU (DR: BIDU80) โดยบริษัทมีพัฒนาการด้าน ROBOTAXI ที่ก้าวหน้ามากสุดในประเทศจีนและปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของจีน


THAI FOCUS
ปัจจัยในประเทศมีอะไรต้องทราบบ้างวันนี้ ... มาดูกัน
เช้าวันนี้ ณ 9.30 น. ติดตามตัวเลขส่งออก-นำเข้าไทย ประจำเดือน พ.ย.68 โดยตัวเลขคาดการณ์(BLOOMBERG CONSENSUS) คาดว่าส่งออกไทยจะ ขยายตัว +8.9% YOY ซึ่งดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +5.7%YOY การนำเข้าคาดจะโต +14.5%YOY ส่งผลให้ดุลการค้าอาจยังขาดดุลอยู่ที่ -1,357 ล้านเหรียญฯ ซึ่งมีโอกาสสูงที่ตัวเลขส่งออกไทยจะเติบโตดี ตามทิศทางเดียวกันของตัวเลขส่งออก YOY ของแต่ละประเทศ อาทิเวียดนาม +15.1%YOY เกาหลีใต้ +8.4%YOY ขณะที่จีนและอินโดนีเซียเติบโต 5.9%YOY ดังรูปด้านล่างซึ่งหากตัวเลขส่งออกดูดีขึ้น อาจช่วยพยุงให้ GDP ไทยปี 2568 ทรงตัวระดับเดิมได้(องค์ประกอบขับเคลื่อนอื่นๆอาจชะลอลงทั้งส่วนของ I, G) เนื่องจาก NET EXPORT มีสัดส่วน GDP ราว 5%

 

ส่วนอีกประเด็นที่นักลงทุนควรทราบ คือ มาตรการใหม่ (ดีเดย์ 1 ม.ค. 2569) ภาครัฐเตรียมเก็บ "อากรขาเข้า"(CUSTOMS DUTY) สำหรับสินค้าช็อปปิ้งออนไลน์ที่นำเข้า ตั้งแต่บาทแรก (เดิมยกเว้นถ้าราคาไม่เกิน 1,500บาท) โดยสินค้ากลุ่มแฟชั่นอาจโดนเก็บสูงสุดถึง 30% กรมศุลกากรเซ็น MOU กับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่(LAZADA, SHOPEE, TIKTOK, SHEIN, TEMU) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล, ราคา, ปริมาณ ทำให้ตรวจสอบและเก็บภาษีได้แม่นยำขึ้น เพื่อปิดช่องโหว่การแจ้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมาตรการนี้ออกมาเพื่อแก้ปัญหา "สินค้าจีนราคาถูกล้นตลาด" (DUMPING) ซึ่งก่อนหน้านี้สินค้าต่ำกว่า 1,500บาทไม่ต้องเสียภาษี ทำให้ผู้ประกอบการไทย (SME) แข่งขันลำบาก การเก็บภาษีตั้งแต่บาทแรกจะช่วยสร้าง สนามการแข่งขันที่เป็นธรรมมากขึ้น อย่างไรก็ตามในมุมของผู้บริโภค ราคาสินค้านำเข้าจากจีนผ่านแอปฯ จะแพงขึ้นแน่นอน (จากภาษีอากร + VAT ที่เริ่มเก็บไปก่อนหน้าแล้ว) ทำให้ความน่าสนใจในการสั่งของพรีออเดอร์ หรือของชิ้นเล็กๆ จากต่างประเทศลดลงเมื่อของออนไลน์ราคาถูกเริ่มไม่ถูกจริง และต้องรอนาน แถมมีต้นทุนภาษีเพิ่ม ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะหันกลับมาซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการในประเทศ หรือห้างค้าปลีกที่มีมาตรฐาน มีการรับประกัน และราคาไม่ต่างกันมากขึ้นดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงปลายปีนี้ ต่อต้นปีหน้าพร้อมรับวัน EFFECTIVE ได้แก่


CRC (CENTRAL RETAIL) : ได้ประโยชน์จากสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่จะกลับมาซื้อในห้างมากขึ้น

HMPRO (HOMEPRO) & DOHOME : สินค้าของใช้ในบ้านและวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมักจะมีคู่แข่งจากจีนตีตลาดออนไลน์ การกีดกันทางภาษีจะช่วยให้ยอดขายหน้าร้านแข็งแกร่งขึ้น

SYNAPSE STRATEGY
แนะเก็งกำไร หุ้นที่ถูกซื้อคืนถี่ๆ กราฟสวย ชดเชยมูลค่าซื้อขายเบาบางในช่วงนี้
ตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่หยุดในวันนี้ ทำให้มูลค่าซื้อขายของตลาดหุ้นที่เปิดอยู่ รวมถึงไทยมีโอกาสเบาบางกว่าปกติส่วนตลาดหุ้นไทย เดือน ธ.ค. 68 มีการทยอยซื้อหุ้นคืนมาแล้ว 23 บริษัท มูลค่า 4 พันล้านบาท (สูงสุดในรอบ 5เดือน) หนุนปีนี้ซื้อหุ้นคืนแล้ว 3.7 หมื่นล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีโอกาสสร้างความหวังตลาดทยอยฟื้นหากดูสถิติในอดีต ปีไหนบริษัทซื้อหุ้นคืนเยอะปีถัดไป SET มีโอกาสรีบาวด์ อาทิ

▪ ปี 2546 ซื้อสะสม 1.1 หมื่นล้านบาท ปี 2547 SET + 15%
▪ ปี 2563 ซื้อสะสม 2.4 หมื่นล้านบาท ปี 2564 SET +14%
▪ ปี 2568 ซื้อสะสม 3.7 หมื่นล้านบาท ปี 2569 SET +?%


จึงแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีแรงสนับสนุนจากการซื้อหุ้นคืนถี่ๆ (เกิน 10 ใน 16 วันทำการในเดือนนี้) มาชดเชยมูลค่าซื้อขายที่บางเบาลง ซึ่งหนุนให้กราฟราคาหุ้นหลายๆ บริษัทเริ่มฟื้นตัวได้ดีอย่าง CPF, STGT, MAJOR, BTG, BEYOND, SFLEX, INSET ฯลฯ

 

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

สุขสันต์วันคริสต์มาส By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มาแล้วคร้า ขอสุขสันต์วันคริสต์มาส (Christmas) หรือ วันสมโภชพระคริสตสมภพ..

Merry Christmas By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง สวมหมวกซานตาคลอส Ho Ho Ho... Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาสคุณผู้อ่านทุกท่านคร้า....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้