Market Wrap-Up

• SET วันที่ 24 ธ.ค.68 ปิด +4.22 จุด อยู่ที่ 1,275.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย 28,615 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,342 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 200 ลบ. สถาบันขาย 489 ลบ. และรายย่อยขาย 653 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 22 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,PTT,IVL,ADVANC,CRC และยอดขายหุ้น AOT,GULF,BDMS,DELTA,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 783 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BIDU01,CNTECH01, AAPL01 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 3,940 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 98,755 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 2,364 ลบ.

 Market View

• DJIA +0.60%,S&P500 +0.32%,Nasdaq +0.22% นำโดยกลุ่มสินค้าอุปโภค +0.8%, อสังหา +0.67% ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจาก Micron Tech +3.8% จากคาดการณ์รายได้ของบริษัทในไตรมาสหน้ายังเติบโตได้ดีตามอุปสงค์ด้าน AI ขณะที่ Nike +4.6% หลัง ทิม คุก CEO Apple ได้เข้าซื้อหุ้นมูลค่า 3 ล.ดอลลาร์สหรัฐ โดยภาพตลาดหุ้นสหรัฐได้ปัจจัยหนุนจาก CME FedWatch คาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.50% ในปีหน้า และได้ปัจจัยหนุนจากภาวะ Santa Claus Rally ซึ่งจากสถิติในอดีต S&P500 มักปรับขึ้นเฉลี่ย +1.3% ในช่วง 5 วันสุดท้ายของปี และ 2 วันแรกของ ม.ค. คือปีนี้อยู่ในช่วง 24 ธ.ค. – 5 ม.ค.69
• Stoxx600 ยุโรปวานนี้ปิดทรงตัว โดยตลาดหุ้นอัมสเตอร์ดัม, บรัสเซลส์, ปารีส ปิดทำการเร็วกว่าปกติ และตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ตปิดทำการในช่วงคริสต์มาส ขณะที่กลุ่มที่ปรับขึ้น คือ สินค้าหรูหรา เช่น Richemont, LVMH, Kerring +1% และกลุ่มเหมืองแร่ก็ได้แรงหนุนจากราคาทองคำ เงิน พลาตินัม และทองแดงที่ปรับขึ้นทำจุดสูงสุด โดยตลาดหุ้นยุโรปหลายแห่งอยู่ในช่วงวันหยุดคริสต์มาสตั้งแต่วันที่ 24 – 26 ธ.ค.
• ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีนิเกอิ -0.14% นำโดย SoftBank Group -1.18% หลังสหรัฐอาจชะลอการเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จากจีนจนถึง มิ.ย. 2570 ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดชิปเพิ่มขึ้น ส่วน Kospi เกาหลีใต้ -0.21% จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบริษัทต่อเรือที่ปรับขึ้นเมื่อวันก่อน ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.53% ดีกว่าดัชนีภูมิภาคในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ส่วนดัชนีฮั่งเส็ง +0.17% โดยเปิดทำการเพียงครึ่งวัน
• SET วานนี้ +0.33% ปริมาณการซื้อขาย 84 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,342 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 200 ลบ.สถาบันขาย 489 ลบ. และรายย่อยขาย 653 ลบ. โดยปริมาณการซื้อขายวานนี้เริ่มชะลอตัว หลังตลาดหุ้นสำคัญ ๆ แห่งเริ่มปิดทำการในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ส่งผลให้ตลาดยังขาดปัจจัยบวก – ลบใหม่เข้ามากระทบต่อภาวะการซื้อขายหุ้นไทย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มทยอยเข้าซื้อหุ้นไทย เนื่องจากปัจจุบันเทรดที่ระดับ Forward P/E 13.0X และมี Earning Yield Gap อยู่ที่ 5.4% ซึ่งถือว่ามูลค่าตลาดปัจจุบันอยู่ในโซนถูก และคาดยัง Upside หลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในช่วง เม.ย. ปีหน้า โดยกลุ่มที่หนุนดัชนีวานนี้ คือ ปิโตรเคมี +3.1% หลังนักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรในปีหน้ามีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำ และกลุ่ม รพ.ฟื้นตัว +1.6% หลังราคาหุ้น BH, BDMS อยู่ในโซนต่ำกว่า Fair Value ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ม.หอการค้าไทยคาดการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงปีใหม่นี้อยู่ที่ 1.1 แสน ลบ. +2.1% YoY คิดเป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 6 ปี รวมกับเม็ดเงินในช่วงหาเสียงเลือกตั้งราว 4 – 6 หมื่น ลบ. อาจส่งผลให้ GDP ไทยในงวด Q1/69 ขยายตัวได้สูงกว่า +2% ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ ตัวเลขส่งออกไทย พ.ย. คาด +8.8% & ต.ค. +5.7% YoY

   Daily Strategy

• ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,260 – 1,270 แนวต้าน 1,285 คาดความผันผวนของดัชนีเริ่มลดลงในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส กอปรสัปดาห์หน้ามีโอกาสเกิดภาวะ Window Dressing ในช่วงปลายปี แนะนำทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย & จ่ายปันผลสูง เช่น CPF, HMPRO, PTT, PTTEP, BLA, MC, SCB, KTB / กลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า เช่น GULF, EGCO, AAV, BA, ADVANC, TRUE     
• TACC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.55 บาท) งวด3Q68 รายงานกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท +14%QoQ, +48%YoY มีปัจจัยหนุนจากรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแผนการขยายสาขาของ 7-11 และร้านกาแฟพันธ์ไทย ด้าน GPM ทรงตัวในระดับ 32% แม้ต้นทุนเมล็ดกาแฟเพิ่มขึ้น QoQ เช่นเดียวกับ SG&A ที่ทรงตัวได้สะท้อนการบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี แนวโน้ม 4Q68 คาดรายได้และกำไรเร่งขึ้นตาม seasonal ส่วนในปี 69 ตั้งเป้ารายได้โต 10-15%YoY ตามจำนวนร้านกาแฟพันธ์ไทยที่เร่งขยายสาขา ส่วน 7-11 จะเน้นเพิ่มสินค้าใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อขยายฐานลูกค้า คาดรักษา GPM 32% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 320 ล้านบาท +30%YoY และ 345 ล้านบาท +8%YoY valuation ปัจจุบัน PER ราว 10 เท่า Yield 9-10%
• KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมายBloombergConsensus 11.00 บาท) กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 89 ลบ. (+16%YoY, -10%QoQ ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY ยังโตดีหนุนจากสินค้ากลุ่ม Dairy และกลุ่ม Food and Bakery Ingredient ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่าย ได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ด้านการดำเนินงานในช่วงไตรมาส4 นี้ คาดว่าจะดีได้ต่อเนื่อง เข้าสู่ High Season และมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ รวมถึงได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 455 ลบ.(+12%YoY) และ 514 ลบ.(+13%YoY)

 

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ก.พ.-$0.03 อยู่ที่ $58.35 / บาร์เรล, Brent ก.พ. -$0.14 อยู่ที่ $62.24/บาร์เรล รอติดตามสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างสหรัฐ – เวเนซุเอลา และรัสเซีย – ยูเครน ขณะที่ API เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2.39 ล.บาร์เรล, เบนซินเพิ่มขึ้น 1.09 ล.บาร์เรล และน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 685,000 บาร์เรล

 

Gold Update(-) Comex Gold ก.พ.-$2.90 อยู่ที่ $4,502.80 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำปรับขึ้นสูงกว่าระดับ $4,500 เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +57.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +43.18 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +14.66 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 31.06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.131 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -12 อยู่ที่ 1,877

(0) BitCoin เช้านี้ +0.01% อยู่ที่ 87,649 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 Economic Calendar

 

ในประเทศ

25 ธ.ค.     กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

29 ธ.ค.     กระทรวงการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง

30 ธ.ค.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ 

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

 

ต่างประเทศ

25 ธ.ค.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

31 ธ.ค.     CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน  (ธ.ค.)

US รายงานการประชุมของ FOMC

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก 

02 ม.ค.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต  (ธ.ค.)

 

 

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

 

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

 

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

 

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

 

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

 

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

 

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

 

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio December 2025: WHAUP*, BDMS, ADVANC, AMATA, SAWAD*, SHR*

 

 

 

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th