22 ธ.ค. 2568 14:25:02 107
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (22 ธันวาคม 2568 )-----การเปลี่ยนผ่านจากยุค "ปราศรัยบนรถกระบะ" สู่ยุคที่ "อัลกอริทึมกำหนดชะตา" จาก "การลงพื้นที่" สู่ "การยึดครองพื้นที่เสมือน" ในอดีต การหาเสียงคือความมานะอุตสาหะทางกายภาพ นักการเมืองต้องอาศัยการสบตา (Eye Contact) และการปราศรัยสดเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ สื่อมวลชนกระแสหลักทำหน้าที่เป็น "ผู้กลั่นกรองสาร" (Gatekeeper) คอยตรวจสอบความสมเหตุสมผลของนโยบายก่อนส่งถึงมือประชาชน แม้จะมีความล่าช้า แต่ก็แลกมาด้วยความน่าเชื่อถือที่ผ่านการตรวจสอบในระดับหนึ่ง ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน พื้นที่การแข่งขันถูกย้ายมาอยู่ใน "สมรภูมิข้อมูล" ที่รวดเร็วและรุนแรงระดับมิลลิวินาที นักนโยบายไม่ได้แข่งกันที่ความยั่งยืนของโครงการเพียงอย่างเดียว แต่แข่งกันที่ "ยอดการมองเห็น" (Reach) และ "การสร้างอารมณ์ร่วม" (Engagement) พฤติกรรมการเสพสื่อเปลี่ยนจากความเข้าใจเชิงลึก (Deep Processing) สู่การตัดสินจากพาดหัวและการไถหน้าจอแบบผิวเผิน (Surface Processing) ดังนั้นในยุค Information Disorder สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือเทคนิคการสร้าง "กึ่งความจริง" (Half-truth) และการโจมตีฝ่ายตรงข้ามผ่าน Digital Content ที่แนบเนียน เรามักจะพบเห็นการหยิบยกคำพูดเพียงเสี้ยวเดียวมาประกอบภาพกราฟิกที่ดึงดูดสายตา หรือที่เรียกว่า "Out-of-context quotes" เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงลบให้ศัตรูทางการเมือง Fake News และ Malinformation จึงไม่ใช่แค่ข้อมูลเท็จ แต่ยังมีการใช้ "ข้อมูลจริงที่มีเจตนาร้าย" เพื่อบิดเบือนทิศทางของนโยบายสาธารณะ และยังมี Echo Chambers ซึ่งใช้อัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียทำหน้าที่เป็นกระจกเงาที่สะท้อนแต่ความเชื่อเดิมของเรา ทำให้คนในสังคมแบ่งขั้ว (Polarization) ได้ง่ายขึ้น การคอมเมนต์ที่ดุเดือดมักเกิดจาก "อคติจากการยืนยัน" (Confirmation Bias) ทำให้เรามองเห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูมากกว่าเพื่อนร่วมชาติที่มีความเห็นต่าง ประประชาชนควรมีเกราะคุ้มกันทางความคิดในการรับนโยบายผ่านโลกดิจิทัล ดังนี้ เมื่อเห็นภาพกราฟิกหรือคำโปรยเชิงโจมตี อย่าเพิ่งเชื่อในทันที แต่ให้ตั้งคำถามว่า "เขารู้ได้อย่างไร?" "เขามีเจตนาอะไร?" และ "ข้อมูลนี้มีที่มาที่ไปที่อ้างอิงได้จริงหรือไม่?" โดยแยก "นโยบาย" ออกจาก "วาทกรรม" นักนโยบายสาธารณะที่ดีจะพูดถึง "กระบวนการ และ งบประมาณ" แต่นักการตลาดการเมืองมักจะพูดถึง "ความรู้สึก และ ความฝัน" เราต้องมองข้าม Content ที่ฉาบฉวยเพื่อหา Core Message ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆ เราต้องทำการ Cross-Check ข้อมูลโดยไม่รับสารจากแพลตฟอร์มเดียว การเปรียบเทียบข้อมูลจากสื่อกระแสหลักที่มีจรรยาบรรณ สื่อทางเลือก และเอกสารนโยบายฉบับจริง จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมที่ปราศจากการตัดต่อ รวมถึง Digital Decorum ด้วยการการแสดงความเห็นอย่างมีอารยะ (Civil Discourse) ซึ่งเป็นรากฐานของประชาธิปไตย การลดอุณหภูมิความเดือดในช่องคอมเมนต์ควรเริ่มต้นที่ตัวเรา โดยการไม่แชร์ข้อมูลที่สร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) แม้ข้อมูลนั้นจะทำให้ฝ่ายที่เราเชียร์ได้เปรียบก็ตาม แม้การหาเสียงในโลกดิจิทัลอาจจะเต็มไปด้วย "มายาภาพ" แต่หัวใจของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยยังคงอยู่ที่ "ความฉลาดรู้ของประชาชน" หากเราสามารถบูรณาการความเท่าทันสื่อ เข้ากับหลักการวิเคราะห์นโยบายที่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของกลลวงดิจิทัล และสามารถเลือก "ผู้นำ" ที่เข้ามาบริหารประเทศด้วยสติปัญญามากกว่าวาทศิลป์บนหน้าจอ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปเพียงใด ความจริง (Truth) ยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องขุดค้นด้วยตนเอง เพราะ "ความรู้ที่แท้จริงคือ การรู้ว่าเราไม่รู้อะไรเลย" และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้เพื่อเลือกอนาคตที่ดีที่สุดให้แก่สังคมไทย
: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์
PTG ผนึก "กาแฟพันธุ์ไทย-แอตลาส เอ็นเนอยี"ส่งต่อกำลังใจหนุนฮีโร่ทหารกล้า
หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE
Hooninside
สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้
ชื่อหรือรหัสของคุณไม่ถูกต้อง
Please, check your email format before submit.
Please, Enter you password.
Please, Enter minimum 3 character.
Please, Enter minimum 6 character.
กรุณากรอกอีเมล์ที่คุณใช้สมัครสมาชิกแล้วกดส่งเมล์