Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

"​ประชาธิปไตยในเงา Deepfake เมื่อนโยบายถูกฉาบด้วย Clickbait เราจะเลือกผู้นำอย่างไรไม่ให้ถูกหลอก?"

108

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (22 ธันวาคม 2568 )-----การเปลี่ยนผ่านจากยุค "ปราศรัยบนรถกระบะ" สู่ยุคที่ "อัลกอริทึมกำหนดชะตา" จาก "การลงพื้นที่" สู่ "การยึดครองพื้นที่เสมือน" ในอดีต การหาเสียงคือความมานะอุตสาหะทางกายภาพ นักการเมืองต้องอาศัยการสบตา (Eye Contact) และการปราศรัยสดเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ สื่อมวลชนกระแสหลักทำหน้าที่เป็น "ผู้กลั่นกรองสาร" (Gatekeeper) คอยตรวจสอบความสมเหตุสมผลของนโยบายก่อนส่งถึงมือประชาชน แม้จะมีความล่าช้า แต่ก็แลกมาด้วยความน่าเชื่อถือที่ผ่านการตรวจสอบในระดับหนึ่ง ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน พื้นที่การแข่งขันถูกย้ายมาอยู่ใน "สมรภูมิข้อมูล" ที่รวดเร็วและรุนแรงระดับมิลลิวินาที นักนโยบายไม่ได้แข่งกันที่ความยั่งยืนของโครงการเพียงอย่างเดียว แต่แข่งกันที่ "ยอดการมองเห็น" (Reach) และ "การสร้างอารมณ์ร่วม" (Engagement) พฤติกรรมการเสพสื่อเปลี่ยนจากความเข้าใจเชิงลึก (Deep Processing) สู่การตัดสินจากพาดหัวและการไถหน้าจอแบบผิวเผิน (Surface Processing)

 

ดังนั้นในยุค Information Disorder สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือเทคนิคการสร้าง "กึ่งความจริง" (Half-truth) และการโจมตีฝ่ายตรงข้ามผ่าน Digital Content ที่แนบเนียน เรามักจะพบเห็นการหยิบยกคำพูดเพียงเสี้ยวเดียวมาประกอบภาพกราฟิกที่ดึงดูดสายตา หรือที่เรียกว่า "Out-of-context quotes" เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงลบให้ศัตรูทางการเมือง

 

Fake News และ Malinformation จึงไม่ใช่แค่ข้อมูลเท็จ แต่ยังมีการใช้ "ข้อมูลจริงที่มีเจตนาร้าย" เพื่อบิดเบือนทิศทางของนโยบายสาธารณะ

 

และยังมี Echo Chambers ซึ่งใช้อัลกอริทึมของโซเชียลมีเดียทำหน้าที่เป็นกระจกเงาที่สะท้อนแต่ความเชื่อเดิมของเรา ทำให้คนในสังคมแบ่งขั้ว (Polarization) ได้ง่ายขึ้น การคอมเมนต์ที่ดุเดือดมักเกิดจาก "อคติจากการยืนยัน" (Confirmation Bias) ทำให้เรามองเห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูมากกว่าเพื่อนร่วมชาติที่มีความเห็นต่าง

 

ประประชาชนควรมีเกราะคุ้มกันทางความคิดในการรับนโยบายผ่านโลกดิจิทัล ดังนี้

 

เมื่อเห็นภาพกราฟิกหรือคำโปรยเชิงโจมตี อย่าเพิ่งเชื่อในทันที แต่ให้ตั้งคำถามว่า "เขารู้ได้อย่างไร?" "เขามีเจตนาอะไร?" และ "ข้อมูลนี้มีที่มาที่ไปที่อ้างอิงได้จริงหรือไม่?" โดยแยก "นโยบาย" ออกจาก "วาทกรรม" นักนโยบายสาธารณะที่ดีจะพูดถึง "กระบวนการ และ งบประมาณ" แต่นักการตลาดการเมืองมักจะพูดถึง "ความรู้สึก และ ความฝัน" เราต้องมองข้าม Content ที่ฉาบฉวยเพื่อหา Core Message ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆ

 

เราต้องทำการ Cross-Check ข้อมูลโดยไม่รับสารจากแพลตฟอร์มเดียว การเปรียบเทียบข้อมูลจากสื่อกระแสหลักที่มีจรรยาบรรณ สื่อทางเลือก และเอกสารนโยบายฉบับจริง จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมที่ปราศจากการตัดต่อ รวมถึง Digital Decorum ด้วยการการแสดงความเห็นอย่างมีอารยะ (Civil Discourse) ซึ่งเป็นรากฐานของประชาธิปไตย การลดอุณหภูมิความเดือดในช่องคอมเมนต์ควรเริ่มต้นที่ตัวเรา โดยการไม่แชร์ข้อมูลที่สร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) แม้ข้อมูลนั้นจะทำให้ฝ่ายที่เราเชียร์ได้เปรียบก็ตาม

 

แม้การหาเสียงในโลกดิจิทัลอาจจะเต็มไปด้วย "มายาภาพ" แต่หัวใจของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยยังคงอยู่ที่ "ความฉลาดรู้ของประชาชน" หากเราสามารถบูรณาการความเท่าทันสื่อ เข้ากับหลักการวิเคราะห์นโยบายที่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง เราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของกลลวงดิจิทัล และสามารถเลือก "ผู้นำ" ที่เข้ามาบริหารประเทศด้วยสติปัญญามากกว่าวาทศิลป์บนหน้าจอ

 

ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปเพียงใด ความจริง (Truth) ยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องขุดค้นด้วยตนเอง เพราะ "ความรู้ที่แท้จริงคือ การรู้ว่าเราไม่รู้อะไรเลย" และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้เพื่อเลือกอนาคตที่ดีที่สุดให้แก่สังคมไทย

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้