Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ผนึกเครือข่ายประมงพื้นบ้าน เดินหน้าฟื้นปลากะพง 3 น้ำ GI

104

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(15 ธันวาคม 2568)-------มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ผนึกเครือข่ายประมงพื้นบ้าน เดินหน้าฟื้นปลากะพง 3 น้ำ GI สินค้าเศรษฐกิจสำคัญของพื้นที่ หวังสร้างอาชีพและเศรษฐกิจชุมชนรอบทะเลสาบสงขลา หลังมหาอุทกภัยภาคใต้

หลังผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศและอาชีพประมงของชุมชนรอบทะเลสาบสงขลา มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท องค์กรสาธารณกุศลภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ เดินหน้าภารกิจฟื้นฟูชุมชนประมงอย่างเป็นระบบ ผนึกกำลังเครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดสงขลา เร่งกอบกู้อาชีพและเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการสนับสนุน “ลูกปลากะพง” เพื่อเป็นทุนตั้งต้นในการฟื้นฟูผลผลิต ปลากะพง 3 น้ำ ทะเลสาบสงขลา สินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อันเป็นหัวใจสำคัญด้านเศรษฐกิจและความภาคภูมิใจของชุมชน

นายจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2530 โดยมีเป้าหมายในการสร้างคนดี พลเมืองดี และอาชีพดีให้กับสังคมไทยตลอดมา จากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้รับนโยบายของ นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะรองประธานกรรมการมูลนิธิฯ โดยมอบหมายให้เครือข่าย “ซีพีอาสา” ทำหน้าที่เป็นกำลังหลักในการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและรับฟังความเดือดร้อนของเครือข่ายประมงพื้นบ้านในโครงการซีพีทะเลสาบสงขลายั่งยืน พบว่ามีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงในกระชังได้รับผลกระทบกว่า 1,000 ราย กระชังเสียหายรวมกว่า 3,000 กระชัง สูญเสียผลผลิตปลากะพงขาวมากกว่า 90% ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้ครัวเรือนและเศรษฐกิจของจังหวัด จึงเร่งปฏิบัติการฟื้นฟูชุมชนประมงอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง

ในช่วงที่ผ่านมา นายสุภกิต เจียรวนนท์ ได้มอบลูกปลากะพง ให้แก่กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านรอบทะเลสาบสงขลา ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดสงขลาเพื่อให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม ขณะที่นายศุภชัย เจียรวนนท์ ได้ร่วมกับเครือข่ายประมงพื้นบ้านจากหลายจังหวัด ได้แก่ สงขลา นครศรีธรรมราช นราธิวาส และปัตตานี ส่งมอบลูกพันธุ์ปลากะพงเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการเริ่มต้นฟื้นฟูอาชีพของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ

จากสถานการณ์ดังกล่าว คณะกรรมการมูลนิธิฯ จึงเร่งกำหนดมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูอาชีพ โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือด้าน “ทุนตั้งต้น” เพื่อให้ชุมชนสามารถกลับมาประกอบอาชีพและสร้างรายได้ได้อย่างเร็วที่สุด

ในระยะแรก มูลนิธิฯ ได้ประสานกลุ่มพนักงาน ซีพีอาสา ส่งมอบลูกปลากะพงให้แก่เครือข่ายประมงพื้นบ้านในหลายพื้นที่ อาทิ เครือข่ายบ้านปลาหมายเลข 9 และ 10 ฟาร์มทะเลชุมชนบ้านบางไหน และเครือข่ายเกษตรกรต้นแบบโครงการซีพีพัฒนาอาชีพตามดำริ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เพื่อช่วยประคับประคองความเสียหาย ลดภาระต้นทุน และฟื้นฟูผลผลิตที่สูญเสียไปจากภัยพิบัติ

ทั้งนี้ “ปลากะพง 3 น้ำ ทะเลสาบสงขลา” ถือเป็นสินค้าพรีเมียมหนึ่งเดียวของพื้นที่ เกิดจากระบบนิเวศเฉพาะของทะเลสาบ 3 น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ สงขลา พัทลุง และนครศรีธรรมราช เป็นทะเลแบบลากูนแห่งเดียวของประเทศไทย และเป็นแหล่งทำกินสำคัญของชุมชนรอบลุ่มน้ำมาอย่างยาวนาน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ทะเลสาบสงขลายั่งยืน ร่วมกับเครือข่ายประมงพื้นบ้านอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ การอนุรักษ์ระบบนิเวศทะเลสาบตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและแหล่งอาชีพของชุมชนกว่า 400,000 ครัวเรือน ควบคู่กับการยกระดับอาชีพ พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางตลาดสินค้าชุมชน ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงการผลักดันมาตรฐาน “ประมงธงเขียว”

ด้าน นายชาญวิทย์ รัตนชาติ หัวหน้าโครงการซีพีพัฒนาอาชีพตามดำริ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา กล่าวเสริมว่า มูลนิธิฯ ยึดมั่นในปณิธานการ “ตอบแทนคุณแผ่นดิน” ผ่านการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในช่วงหลังภัยพิบัติ ซึ่งการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนคือกุญแจสำคัญให้ชุมชนสามารถกลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง

ขณะที่ นายชัยยศ ฤทธิโก (บังชัย) ประธานกลุ่มอนุรักษ์ชายฝั่งและฟาร์มทะเลชุมชนบ้านใหม่ จังหวัดสงขลา ระบุว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี น้ำขึ้นเร็วและสูงเกินคาด ส่งผลให้ปลาหลุดจากกระชังไปกว่า 90% หลายครอบครัวสูญเสียแทบทั้งหมด การได้รับการสนับสนุนลูกปลากะพงจากมูลนิธิฯ ช่วยลดภาระต้นทุน และเป็นความหวังสำคัญในการเริ่มต้นอาชีพใหม่ของชาวประมงพื้นบ้าน

ทั้งนี้ ในระยะต่อไป เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย มูลนิธิฯ เตรียมเดินหน้าฟื้นฟูทรัพยากรในทะเลสาบสงขลาต่อไป อาทิ การปรับปรุงและซ่อมแซมซั้งบ้านปลากว่า 10 จุด เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน และเสริมความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้