สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 12 ธันวาคม 2568 )----ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ การประชุมกำหนดแผนงานด้านเศรษฐกิจประจำปีของจีน (CEWC) ในวันที่ 10-11 ธ.ค.2568 ได้ระบุถึงทิศทางการดำเนินเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 มีรายละเอียด 5 เรื่องสำคัญ ดังนี้
1. ทางการจีนจะให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (pro-growth) และสร้างสมดุลระหว่างอุปสงค์ และอุปทาน ทั้งนี้ ความเสี่ยงจากสงครามการค้าจะยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามองในปี 2569
2. การใช้จ่ายในประเทศเป็นประเด็นที่เน้นย้ำในหลายรอบการประชุมของทางการจีนที่ผ่านมา รวมถึงการประชุม CEWC ในครั้งนี้ โดยปี 2569 คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายออกมาเพิ่มเติม เช่น มาตรการ Trade in ที่คาดยังมีอยู่ในวงเงินใกล้เคียงเดิม แต่อาจจะมีขยายกลุ่มสินค้าให้กว้างขึ้น รวมถึงให้ความสำคัฐกับการใช้จ่ายในภาคบริการเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ทางการจีนน่าจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะยาวผ่านการสนับสนุนสวัสดิการด้านต่าง ๆ เพื่อหนุนความต้องการใช้จ่ายอย่างยั่งยืน
3. มาตรการที่เกี่ยวข้องการกับการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรจากทางรัฐบาลกลางคาดมีออกมาเพิ่มขึ้น หลังล่าสุดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรหดตัวของจีนหดตัว 2 เดือนติดต่อกัน
Source: CEIC
4. นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการปัญหาที่อยู่อาศัยคงค้างคาดออกมาเพิ่มเติม เช่น โครงการ Afforable housing สะท้อนว่าทางการจะมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์
5. นโยบายการเงินยังมีทิศทางผ่อนคลายผ่านอัตราดอกเบี้ย และสัดส่วนสำรองตามกฎหมาย ขณะที่นโยบายการคลังจะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่ามาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ท้องถิ่นจะยังคงมีอยู่
o สำหรับประเด็นอื่น ๆ ทางการจีนจะยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน และสงครามราคา (Anti-involution) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Food delivery และ รถ EV ที่ในปี 2569 จะมีการปรับเกณฑ์การลดหย่อนภาษี ลง และเพิ่มคุณสมบัติของรถ EV ที่จะเข้าเงื่อนไขปรับลดภาษีได้เพื่อสนับสนุนการผลิตรถ EV ที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ นอกจากนี้ ทางการจีนคาดจะปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการแข่งขันทางด้านคุณภาพมากกว่าปริมาณ ทั้งนี้ ตัวเลขเป้าหมายการเติบโตของ GDP และการขาดดุลทางการคลังจะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในการประชุมสองสภาช่วงเดือนมี.ค. 2569
o ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปี 2569 ทางการจีนมีแนวโน้มตั้งเป้าหมาย GDP อยู่ที่ 5% ตามเดิม ขณะที่เป้าหมายงบประมาณขาดดุลต่อ GDP คาดอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน โดยทางการยังคงจะให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยี สนับสนุนการลงทุนในพวก AI ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดจะออกมาจะเน้นเป็นมาตรการที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว และการมีหลักประกันของครัวเรือนมากกว่าการให้วงเงินสนับสนุนจำนวนเพิ่มขึ้น ดังนั้นการฟื้นตัวของการใช้จ่ายคาดยังต้องใช้เวลา นอกจากนี้ ปัจจัยท้าทายของจีนที่สำคัญ คือ การสนับสนุนการลงทุนควบคู่ไปกับการจัดการปัญหาสงครามราคาและกำลังการผลิตส่วนเกิน (Anti-involution) ขณะที่ความเสี่ยงสงครามการค้าจะยังมีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569
o ทั้งนี้ ในปี 2569 จะเป็นปีที่จีนเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะเวลา 5 ปี ฉบับที่ 15 (ปี 2569-2573) จึงคาดว่าจะมีนโยบายเศรษฐกิจออกมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการวางรากฐานเกี่ยวกับภาคการผลิต และภาคบริการ รวมถึงสวัสดิการต่าง ๆ ของครัวเรือนที่จะช่วยให้เกิดรายได้ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว