Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

Mastercard Economics Institute เผยแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2569 เอเชียแปซิฟิกยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางความผันผวนทั่วโลก การใช้จ่ายของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าการค้าจะผันผวนและเทคโนโลยี AI เติบโตอย่างรวดเร็วก็ตาม

101

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (12 ธันวาคม 2568 )-----สถาบันเศรษฐศาสตร์มาสเตอร์การ์ด (Mastercard Economics Institute หรือ MEI) เผยแพร่รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจประจำปี 2569 โดยระบุว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงมีเสถียรภาพด้านการเติบโต แม้เศรษฐกิจโลกต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านภาษี การลงทุนด้าน AI ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง MEI คาดการณ์ว่า GDP ที่แท้จริงจะชะลอลงเล็กน้อยเหลือ 3.1% ในปี 2026 จากการประมาณการไว้ที่ 3.2% ในปี 2568

รายงานชี้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2569 จะถูกกำหนดด้วยปัจจัยเสี่ยงและโอกาสที่เกิดขึ้นพร้อมกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการนำ AI มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ มีแนวโน้มจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อการเติบโต แม้ว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจะกระจายไม่เท่ากันในแต่ละภูมิภาคก็ตาม ในขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการจัดรูปแบบซัพพลายเชนใหม่ ยังคงสร้างแรงกดดันและเพิ่มความไม่แน่นอนต่อภาคการค้าและภาคการผลิต ขณะที่ความเหลื่อมล้ำจากการเข้าถึงเทคโนโลยีอาจเป็นความท้าทายด้านนโยบายและการเติบโตสำหรับบางตลาด

แม้จะมีความผันผวนดังกล่าว MEI ยังคาดว่า GDP ของเอเชียแปซิฟิกจะทรงตัวในปี 2569 โดยอาศัยแรงสนับสนุนจากเงินเฟ้อที่ลดลง นโยบายการเงินที่เอื้ออำนวย และรายได้จริงที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายตลาด ต่างช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของครัวเรือนให้ดีขึ้นและรักษาเสถียรภาพโดยรวมของภูมิภาค ผู้บริโภคยังคงใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันและให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า โดยเลือกใช้จ่ายกับประสบการณ์ที่มีความหมาย เช่น การท่องเที่ยวและกิจกรรมไลฟ์อีเวนท์ พร้อมรักษาความระมัดระวังต่อค่าใช้จ่ายจำเป็น ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยการเดินทางทั้งขาออกและการท่องเที่ยวภายในภูมิภาคยังคงมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น

"เอเชียแปซิฟิกยังคงแสดงศักยภาพด้านความยืดหยุ่นได้อย่างโดดเด่น แม้อยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาษีและซัพพลายเชนที่เปลี่ยนแปลงซึ่งอาจส่งผลต่อระบบการค้าโลก" นายเดวิด แมนน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของมาสเตอร์การ์ดกล่าว "ผลการคาดการณ์สะท้อนให้เห็นว่า แม้การจัดระเบียบการค้าใหม่และการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีจะเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก แต่ปัจจัยเศรษฐกิจในระดับจุลภาคของหลายประเทศในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกกลับมีทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มความต้องการพื้นฐานเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจ"

แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญปี 2569

การค้าปรับสมดุล: เส้นทางใหม่ ความเป็นจริงใหม่
การค้าโลกยังคงปรับตัวต่อมาตรการภาษีในปี 2568 โดยจีนแผ่นดินใหญ่เร่งกระจายการส่งออกไปสู่ตลาดใหม่ ขณะที่สัดส่วนยอดอีคอมเมิร์ซจากจีนไปยังสหรัฐฯ ลดลงจาก 28% ในปี 2567 เหลือ 24% ภายในเดือนสิงหาคม 2568 สำหรับเอเชียแปซิฟิก แนวโน้มนี้สะท้อนทั้งความเสี่ยงและโอกาส ตลาดที่นำเข้าสินค้าต้นทุนต่ำจากจีนกำลังเห็นสัญญาณเงินเฟ้อนำเข้าที่ลดลง ขณะที่ผู้ส่งออกในญี่ปุ่นและบางประเทศในเอเชียใต้เผชิญแรงกดดันจากภาษีของสหรัฐฯ และอุปสงค์ภายนอกที่อ่อนตัว แม้เกิดการปรับสมดุลดังกล่าวแต่เอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นศูนย์กลางซัพพลายเชนของโลก โดยอินเดีย อาเซียน และจีนแผ่นดินใหญ่มีบทบาทขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

AI และนโยบายภาครัฐ: แรงหนุนสู่ระลอกการเติบโตถัดไป
การวิเคราะห์ของ MEI ชี้ว่า การนำ AI มาปรับใช้และนโยบายงบประมาณแบบเฉพาะเจาะจงจะเป็นแรงผลักสำคัญในปี 2026 โดยดัชนี MEI AI Spending Index พบว่า เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย และฮ่องกงมีพัฒนาการที่โดดเด่นทั้งในระดับองค์กรและผู้บริโภค ขณะเดียวกัน นโยบายอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การพัฒนา AI Hub ศูนย์ข้อมูล เมืองอัจฉริยะ และการลงทุนเซมิคอนดักเตอร์ กำลังวางรากฐานสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในระยะถัดไป ทั้งหมดนี้ช่วยให้เอเชียแปซิฟิกอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมรับประโยชน์จากผลิตภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI

เทรนด์ท่องเที่ยว: ประสบการณ์คือแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
การท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ค่าใช้จ่ายเดินทางออกนอกประเทศของสิงคโปร์สูงกว่าปี 2562 ถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯขณะที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เป็นผู้นำการเติบโตระดับภูมิภาค โดยการใช้จ่ายเพื่อการเดินทางเพิ่มขึ้น 40% และ 28% ตามลำดับ การท่องเที่ยวขาเข้าของญี่ปุ่นและหลายประเทศในอาเซียนกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่การเดินทางภายในภูมิภาคขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าสินค้า เทรนด์การใช้จ่ายเชิงประสบการณ์นี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคบริการ และบทบาทสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาค

แนวโน้มเศรฐกิจในเอเชียแปซิฟิกปี 2569

    การใช้จ่ายในประเทศจีนคาดว่าจะเติบโตขึ้น 4.5% โดยแนวโน้มภาคการบริโภคจะแข็งแกร่งขึ้นตลอดทั้งปีจากการเติบโตของเทรนด์การบริโภครูปแบบใหม่ในหมวดสินค้าความงามและสุขภาพ การยกระดับไลฟ์สไตล์ และการซื้อของสะสมโดยกลุ่มแฟนคลับ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการการคลังภายใต้แผนพัฒนา 5 ปีฉบับใหม่ของจีนที่ชูแนวคิด "ซื้ออย่างชาญฉลาด" เชิญชวนให้ผู้บริโภคมองหาคุณภาพและประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์แทนการใช้ของราคาถูก โดยเทรนด์นี้กำลังเปลี่ยนโฉมช่องทางค้าปลีกและช่องทางออนไลน์ในประเทศจีน โดยเฉพาะในเมืองระดับเทียร์ 3 - 4 เช่น เมืองเยียนไท่และลั่วหยาง


    เอเชียใต้ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคง รับอานิสงส์จากตลาดอินเดียที่คาดว่าจะเติบโต 6.6% จากแรงหนุนของความต้องการภายในประเทศ การผ่อนคลายทางการเงิน และการเติบโตของภาคดิจิทัลและบริการ ส่วนศรีลังกาคาดว่าจะเติบโต 3.7% เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชน รายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายช่วยสนับสนุนการฟื้นตัว สำหรับบังกลาเทศคาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% จากเงินเฟ้อที่ลดลงและมีเงินโอนกลับจากต่างประเทศช่วยค้ำจุนครัวเรือน แม้ยังมีความท้าทายเชิงโครงสร้าง


    เศรษฐกิจญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโตขึ้น 1.0% โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จริงที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นของครัวเรือนที่แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจเคลื่อนเข้าสู่รอบการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยค่าจ้างมากขึ้น ญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในด้าน AI เซมิคอนดักเตอร์ และความมั่นคงด้านพลังงาน ขณะที่นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและมาตรการการคลังแบบเฉพาะเจาะจงช่วยลดผลกระทบจากแรงกดดันต่อการส่งออกที่ได้รับอิทธิพลจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ


    ประเทศสมาชิกอาเซียน 5 ประเทศ มีแนวโน้มเติบโตที่แตกต่างกัน โดยอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์คาดว่าจะยังเป็นประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคที่ 5.0% และ 5.6% ตามลำดับ ขณะที่มาเลเซียและสิงคโปร์น่าจะมีการเติบโตกลับสู่ระดับปกติที่ 4.2% และ 2.2% ส่วนประเทศไทยคาดว่าจะเติบโต 1.8% โดยมีความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ความผันผวนของราคาพลังงานและการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์โลกที่อาจส่งผลต่อการจ้างงาน


    ต้นทุนที่ลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะช่วยเพิ่มการใช้จ่ายของครัวเรือนในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยคาดการณ์การเติบโตที่ 2.3% และ 2.4% ตามลำดับ การใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนการฟื้นตัว รวมถึงการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว การพักผ่อน และความบันเทิงที่เข้าถึงได้


    ธุรกิจ SMEs ทั่วทั้งภูมิภาคมีการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและขยายการเข้าถึงลูกค้า เสริมความยืดหยุ่นท่ามกลางพลวัตด้านการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลง

"แม้แนวโน้มเศรฐกิจโดยรวมจะเป็นบวกในปีหน้า แต่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเผชิญความเสี่ยงที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งแยกด้านการค้าและแรงกดดันด้านภาษี ไปจนถึงปัจจัยภายนอกอื่น ๆ และความเหลื่อมล้ำด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิธีที่รัฐบาลและภาคธุรกิจตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเติบโตในระยะต่อไป ทั้งความสามารถในการปรับตัว ลงทุนในความพร้อมด้านดิจิทัล และตอบรับความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ทั้งหมดล้วนเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ" นายเดวิด แมนน์ กล่าวสรุป

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ยุบสภา By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ Wrap up เกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์นี้ เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ลงมาเป็น 3.5-3.75% ตามที่ตลาดคาด....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้