Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

92

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ Sentiment ตลาดหุ้นสหรัฐฯดีขึ้นเล็กน้อย แต่ไทยแย่ลง
KEY FINDINGS:

สหรัฐฯ: ดัชนี S&P500 รีบาวด์ 2.6% จากความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่เครื่องชี้วัดภาวะอารมณ์ตลาด (Sentiment Indicators) ส่งสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนี Fear & Greed Index ปรับตัวดีขึ้นจาก 15 คะแนนสู่ 19 คะแนน สอดคล้องกับผลสำรวจ AAII ที่มี Bull-Bear Spread ที่เพิ่มขึ้น

ไทย: ขณะเดียวกัน ดัชนี SET ปรับตัวลง 2.3% สอดคล้องกับมาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer ที่แย่ลงต่อเนื่องและอยู่ในโซน Fear ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม


US MARKET SENTIMENT TRACKER:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รีบาวด์ 2.6% จากสัปดาห์ก่อนหน้า จากความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่เครื่องมือชี้วัด Sentiment ส่งสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อย โดยแม้ว่า CNN Fear & Greed Index จะอยู่ในโซน Fear ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง แต่คะแนนปรับตัวดีขึ้นจาก 15 คะแนนสู่ 19 คะแนน หนุนจากองค์ประกอบด้าน Market Momentum ที่ปรับตัวขึ้น และความผันผวนของตลาดที่ปรับลดลง ขณะที่ Put/call Ratio ได้ปรับลดลงจากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในวันที่ 21 พ.ย. ที่ 0.82 สู่ 0.78 สะท้อนว่านักลงทุนได้ลดสถานะการป้องกันความเสี่ยงจากการปรับลงของตลาดลงบางส่วน

ในทำนองเดียวกัน ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII สะท้อนถึงมุมมอง เชิงบวกต่อตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยแม้ว่านักลงทุนมีมุมมองฝั่ง Bullish ลดลงเล็กน้อยจาก 32.6% เป็น 32.0% (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.5%) แต่มุมมองฝั่ง Bearish ลดลงมากกว่า คือ จาก 43.6% เหลือ 42.7% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.0%) ส่งผลให้ Bull-Bear Spread ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก -11.0% สู่ระดับ -10.7%

THAI MARKET SENTIMENT TRACKER:
ในส่วนของตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET แกว่งตัวในกรอบขาลง ปิดที่ระดับต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน หรือคิดเป็นการปรับลง 2.3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่มาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer ปรับตัวลงต่อเนื่องและยังคงอยู่ในโซน Fear เป็นสัปดาห์ที่สาม คะแนนลดลงจาก 28 คะแนนสู่ 24 คะแนน กดดันจากหลายองค์ประกอบย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนี Volume Index ที่ปรับลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่หก ดัชนี Momentum Strength ที่ปรับลงในโซนลบที่ลึกขึ้นจาก -7.1 จุด สู่ -14.8 จุด และ ความผันผวนของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น


IMPLICATION:
การที่ Sentiment ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่สัญญาณมิกซ์ต่อเนื่องมาสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก ทำให้เรามองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯมีโอกาสฟื้นตัวในระยะอันใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเฟดปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม และมีการส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มเติม

สำหรับตลาดหุ้นไทย ดัชนี Sentiment Tracker ยังคงสะท้อนภาพแรงกดดันที่ ปกคลุมตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยองค์ประกอบชี้วัดในหลายมิติต่างแสดงความอ่อนแอไปในทิศทางเดียวกัน บ่งชี้ว่าตลาดยังอยู่ในสภาวะเปราะบาง


สรุปภาพตลาดวานนี้ หุ้นไทยกลับมาลงต่อ วนกลับมาใกล้ๆ 1250 แรงกดดันจาก DELTA ADVANC TRUE CPALL และกลุ่มธนาคาร ส่วนด้านบวก BDMS GULF JTS CPAXT ฯลฯ


แนวโน้มตลาดวันนี้ รอการฟื้นฟูผลกระทบจากอุทกภัย
คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยรอบนี้จะเริ่มเดินขึ้นบันไดอีกครั้ง แต่หนทางอาจไม่ราบเรียบ ยกตัวอย่างเมื่อวานพบแรงขายที่เกิดกับหุ้นบางกลุ่ม บางตัว เช่น TRUE ADVANC กลุ่มธนาคาร ขณะที่แรงซื้อจากข่าวดีเฉพาะตัวหุ้นยังไม่พอ เช่น BCP (ซื้อหุ้นคืน)
จากภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังเล่นขึ้นยากด้วยแรงซื้อไม่กระจาย แถมมีการขายกระจุกกลุ่ม ทำให้เรายังคงกลยุทธ์ค่อยๆเพิ่มหุ้นเข้าพอร์ตอย่างช้าๆ และกำเงินสดไว้รอช้อนหุ้นตัวใหม่ พร้อมกับคอยติดตาม เฝ้าราคาหุ้นที่แนะนำไว้ก่อนหน้านี้ เช่น CPF TOP ฯลฯ ถ้าเกิดผิดทางจะได้รีบตัดขาดทุนได้ทัน
ด้านปัจจัยตลาดหุ้นต่างประเทศคงคาดเริ่มมีอิทธิพลต่อหุ้นไทยลดลง และเรากำลังโฟกัสไปที่ปัจจัยลบใหม่ในประเทศ คือ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจาก มหาอุทกภัยใต้ระลอกนี้ ซึ่งรอสรุปผลกระทบในกิจการที่เชื่อมโยง เช่น อาหาร ปศุสัตว์ ธุรกิจค้าปลีก ยาง ปาล์ม สื่อสาร ธนาคาร ฯลฯ และเมื่อประเมินความเสี่ยงจากความเสียได้แล้ว คาดจึงค่อยเห็นการฟื้นตัวของราคาหุ้น

เราคาดว่าตลาดหุ้นจะใช้เวลาในการเดินขึ้นบันไดนานกว่าที่คิด (เดินขึ้น-เมื่อย-พัก-ย่อ) แต่ไม่ได้อยู่ในภาวะที่จะเกิดการปรับลงรุนแรงเหมือนกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา


กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ “รอ” สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลง ไม่ไล่ราคา เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค SET ร่วงปิดต่ำที่ 1,252 จุด ซึ่งเป็น low ของสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ยังไม่แนนอน ต้องรอวันนี้…ศุกร์สุดท้ายจะปิดแบบไหน…เงื่อนไขที่จะทำให้ภาพรายสัปดาห์เปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว ดัชนีจะต้องปิดเหนือบริเวณ 1,254 จุดให้ได้ จากสถิติที่ผ่านมาในรอบ 2 ปี ดัชนีเคยปรับตัวลดลงมากที่สุด 6 สัปดาห์ติดต่อกัน (จุดต่ำสุด) หลังจากนั้นก็ปรับตัวขึ้นได้ยาวๆ ล่าสุด SET ปรับตัวลงมาแล้ว 4 weeks จับตา RSI รายสัปดาห์ ลงแตะ level 50 ขณะที่วอลุ่มตลาดเบาบาง
สรุป: แนวโน้มตลาดภาพรวมดูไม่ดี และมีแนวโน้มที่ภาพรายสัปดาห์จะลงต่อเนื่อง หรืออาจจะซึมๆออกข้างอยู่ในกรอบแคบๆบริเวณ 1,250 จุด กลยุทธ์ทางเทคนิค “เลือกหุ้นเป็นรายตัว” + แผนป้องกันความเสี่ยงไว้ด้วยครับ

Note: DELTA ยังคงเป็นหุ้นที่มีอิทธิพลต่อ SET Index โดยราคา – 6 บ. ฉุดดัชนี -5.8 จุด
ไฮไลท์หุ้น: แผนเทรด: หุ้นฮอต BDMS วอลุ่มที่ 1 / ADVANC & TRUE ร่วง! เป็นวิกฤตหรือโอกาส / HMPRO…3 เงื่อนไขจังหวะซื้อเก็งกำไร/ CPALL…Double bottom (or) new low / BCH เสี่ยงหลุด low

 

What to watch
ตลาดคาดหุ้นเพิ่มเข้าคำนวณดัชนี SET50 ม.ค.-มิ.ย.69: GLOBAL, ITC, SAWAD หุ้นออกได้แก่ BCP, KKP, VGI โดยคาดประกาศกลางเดือน ธ.ค.69 / ดัชนี SET100 คาดหุ้นเข้า BPP, CKP, SAPPE ส่วนหุ้นถูกถอด คาดได้แก่ JTS, MBK, WHAUP
เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ธ.ค. โดยเครื่องมือ CME Fed Watch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 85% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นเร็วมาก หลังจากที่ให้น้ำหนักไม่ถึง 40% ในช่วงก่อนหน้านี้
ธนาคารไทยพาณิชย์ ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ รวมทั้งพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดอื่นที่ได้รับผลกระทบ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย โดยให้ความช่วยเหลือทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการและลูกค้าผู้ประกอบการ SME ทั้งมาตรการพักชำระและสินเชื่อพิเศษเพื่อซ่อมแซมบ้านและกิจการอย่างเต็มที่
นายกฯ ถกมาตรการเยียวยาน้ำท่วมใต้ลดหย่อนภาษี-พักหนี้-สินเชื่อซ่อมแซม วางกรอบ 3 ระยะ
การเตรียมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบ ให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิต ฟื้นฟูสภาพได้เร็วที่สุด ทั้งมาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน การลดหย่อนภาษี การพักชำระหนี้ การให้สินเชื่อไม่มีดอกเบี้ยเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูบ้านเรือน ร้านค้า อีกทั้งได้รับความร่วมมืออย่างดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประสานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ในการดูแลเร่งจ่ายค่าประกันภัยให้กับประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุ
หุ้นอสังหาฯ จีนร่วงหนัก กังวลวิกฤติหนี้ หลัง Vanke ประกาศปรับโครงสร้างหนี้ “China Vanke บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ประกาศแผนปรับโครงสร้างหนี้บางส่วน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องวิกฤติหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซามานาน”
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ Vanke อาจกลายเป็นโดมิโนล่าสุด และอาจเป็นโดมิโนใหญ่ที่สุดในภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่กำลังเผชิญปัญหา หลังจากที่บริษัทเอกชนรายใหญ่ เช่น Evergrande และ Country Garden ประสบภาวะผิดนัดชำระหนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
หุ้นกู้ของ Vanke ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลร่วงลงในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นกู้หลายตัวแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะเดียวกันก็สร้างคำถามเกี่ยวกับแผนการของรัฐบาลจีนในการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซามาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาด


หุ้นแนะนำวันนี้
BGRIM BLS research ออกรายงาน Idea call แนะนำซื้อ BGRIM ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 22 บาท
1.) Adder ที่สภาผู้บริโภคฟ้อง เรามองว่าไม่มีผลกระทบ
2.) กำไรปีหน้ากลับมาเติบโตโดดเด่น
3.) เรื่อง PDP ไม่กระทบต่อค่าไฟของ BGRIM แม้จะล่าช้า
แนวรับ 14.2 ต้าน 15.5 Stop loss 13.5

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

JAS
จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล
แม้เกมเปลี่ยน แต่ตารางคะแนนไม่ขยับ
งาน Decoding Thailand’s Spending Pulse วันที่ 28 พ.ย. (วันสุดท้าย) JAS คือ หนึ่งในบริษัทเราได้เชิญมาบรรยาย (เวลา 14.00 น.) โดยมี 3 คำถามใหญ่
1) ทำไมยอดผู้ใช้ EPL ยังต่ำกว่าศักยภาพ 3–7 ล้านคนมาก เพราะแม้ JAS จะลดราคาแพ็กเกจ EPL เหลือเพียง 199–299 บาท/เดือน และ bundle กับ Monomax แล้ว แต่จำนวนผู้ใช้เพิ่งทะลุ 1 ล้านราย
2) อะไรคืออุปสรรคที่แท้จริงของการ Adoption ทั้งที่ราคาถูกสุดในรอบ 10 ปี เพราะหากเทียบช่องว่างระหว่าง Sub กับของจริง เท่ากับว่า ปัญหาการชมช่องทางผิดกฎหมาย ยังดึงผู้ชมไปกว่า 2 ล้านราย หรือเป็นเพราะการทำตลาดที่ยังเน้นกรุงเทพฯ สูง ขณะที่ต่างจังหวัดยังถูกเจาะไม่ลึก
3) JAS ยังมี “ไพ่ในมือ” อะไรเหลืออยู่เพื่อพาธุรกิจไปสู่ breakeven ที่ระดับ 2 ล้าน subs เพราะอยู่ในจุดตัดสินใจสำคัญว่าจะเพิ่มปริมาณต่อ หรือ จะหันไปเพิ่มมูลค่าผ่านการ Upsell-จัด Package อื่นๆ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องปัญหาสภาพคล่องในกลุ่ม (JAS-MONO-JTS) ที่เป็นอีกประเด็นสำคัญ ที่เราเชื่อว่านักลงทุนต่างมีข้อสงสัย และรอความชัดเจน

SEAFCO
(Visit Note)
ซีฟโก้
เห็นสัญญาณฟื้นตัว แต่ยังไม่จำเป็นต้องรีบ
SEAFCO รายงานกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 87 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 11 ล้านบาท ใน 3Q24 และเพิ่มขึ้น 135% QoQ โดยสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นมาจากทั้งฝั่งรายได้และ GM โดยภาพรวมเกิดจากการรับรู้รายได้รถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มขึ้น โดยงานดังกล่างเป็นงานกลุ่มค่าแรง ไม่รวมของ ทำให้ GM สัดส่วนสูงกว่าด้วย
ใน Opportunity Day วานนี้ เราพบว่าแนวโน้ม 4Q25 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก Indicator หลักอย่างปริมาณการเทคอนกรีตที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 12% QoQ แล้ว และเป็นไปได้ว่าทั้งปี กำไรจะจบที่ระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ยที่ตลาดคาด (หรือสูงกว่าเล็กน้อย แต่ไม่เท่ากรอบบน) หนุนการกลับมาจ่าย ปันผลอีกครั้ง
แต่เราก็พบว่า แรงงานเป็นปัญหาของผู้รับเหมารายกลาง-เล็ก (ไม่ใช่เพียง SEAFCO) เนื่องจากประเทศหลักมีข้อจำกัดมากขึ้น ได้แก่ กัมพูชา (ชายแดน) และเมียนมา (พยายามจำกัดอายุวัยแรงงานไว้ในประเทศ) แม้ SEAFCO มีเครื่องจักรเหลือพอรับงาน แต่คนงานก็เพียงพอสำหรับการเทคอนกรีตราว 1,400 คิว/วัน ทำให้ต้องมีการปฏิเสธการรับงานใหญ่ใหม่ๆ ช่วงนี้ เพื่อรองานสีส้ม Peak กลางปี หรือ ภาครัฐฯ มีการแก้ปัญหาแรงงาน เช่น MOU กับประเทศอื่นๆ อย่างศรีลังกา-เนปาล
Our view: แม้ปลดล็อคเรื่องพื้นฐานได้จากกลับมามีกำไรต่อเนื่อง แต่เราก็พบว่าในแง่ราคาหุ้นมี 3 ประเด็นเชิง Sentiment กดดัน 1) ปัญหาขาดแคลนแรงงาน จำกัด Upside 2) ตลาดเลี่ยงลงทุนกลุ่มรับเหมาฯ ระหว่างเลือกตั้ง รอความชัดเจนรัฐบาลใหม่ และ 3) สภาพคล่องการซื้อขายหุ้นยังน้อย แม้จะเป็นหุ้นรับเหมาฯ เล็กที่น่าจับตา แต่ก็สามารถรอธีมภาพรวมมาก่อนได้ เช่น หลังเลือกตั้ง และเรื่องแรงงานคลี่คลาย

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

STECON
สเตคอน กรุ๊ป
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
บ.ประเมิน รายได้ 4Q25 จะเพิ่มอย่างมีนัยฯ และทำให้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมาย จากการเร่งงาน DC ที่ดีเลย์ไป งานใหม่ปลายปี 2025 หวังงานโรงไฟฟ้ารวม 1.4 หมื่น ลบ. ต้นปี 2026 คาดหวังงานกลุ่ม DC เป็นหลัก และดูเหมือนไม่ค่อยโฟกัสงานรัฐฯ เร็วๆ นี้
View from fundamental: แม้ราคาหุ้นจะลงมาเปิด Upside จากพื้นฐานเราที่ 7.40 บาท แต่ในมุมจังหวะลงทุน เรายังคิดว่ารอได้ ให้มีปัจจัยกระตุ้น

AH
อาปิโก ไฮเทค
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
รายได้ 4Q25 คาดอ่อนตัวทั้ง YoY และ QoQ จากจำนวนวันทำงานที่ลดลงช่วงปลายปี ขณะที่อัตรากำไรสุทธิใกล้เคียง YoY เนื่องจากมีการตั้งสำรองบริษัทได้รับคำสั่งซื้อชิ้นส่วนใหม่จากลูกค้าเดิมมูลค่า 200 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้ตั้งแต่ 2Q26 เป็นต้นไป
View from fundamental: เราคาดกำไร 4Q25 ลดลง QoQ ตามฤดูกาล แต่ยังเพิ่มขึ้น YoY จากการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น แม้ภาพกำไรฟื้นตัว YoY แต่โมเมนตัมระยะสั้นยังถูกกดดันจากรายได้ที่ชะลอตัว ขณะที่ระยะกลางยังต้องติดตามความชัดเจนของ rolling orders และแนวโน้มดีมานด์ฝั่งดีลเลอร์ชิปก่อนที่จะเห็นทิศทางฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น

 

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ATLAS ส่งมอบก๊าซหุงต้มกว่า 800 กิโลกรัม ภารกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ATLAS ส่งมอบก๊าซหุงต้มกว่า 800 กิโลกรัม ภารกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ธารน้ำใจ By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม และทีมข่าวหุ้นอินไซด์ ขอส่งแรงใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ขอให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้