Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยกระดับสู่ Longevity Hub รับเมกะเทรนด์โลก!! โดยเฉพาะผู้มีความมั่งคั่งชาวจีน ชี้โอกาสของตลาด Wellness ไทยที่มีมูลค่ารวมมากกว่า 1.4 ล้านล้าน ดันไทยผงาดศูนย์กลาง Medical and Wellness โลก

111

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(24 พฤศจิกายน 2568)-----------“ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” ยกระดับสู่การเป็น Longevity Hub ใช้นวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ขั้นสูงออกแบบชีวิตให้ยืนยาวและมีคุณภาพดีที่สุด รับเมกะเทรนด์โลก!! ตอกย้ำผู้นำตลาดภูมิภาค รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะคลื่นการลงทุนและการย้ายถิ่นฐานของชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง (HNWI) สู่ประเทศไทย ในโอกาส 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน ชี้เป็นโอกาสมหาศาลสร้างการเติบโตของตลาด Wellness ไทย ที่มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 1.4 ล้านล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมโลกในปี 2571 คาดโตแตะ 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มั่นใจว่าประเทศไทยมีศักยภาพ เป็น Global Destination for Longevity and Wellness ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลาง Medical and Wellness Hub ของโลก


คุณนภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า ในปี 2566 ตลาด Wellness Economy ทั่วโลกมีมูลค่ารวมกันกว่า 6.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากผู้คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการมีอายุยืนยาวและสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น ดังนั้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและ Longevity (การมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Lifespan) ไม่ใช่แค่มีชีวิตอยู่จนแก่ แต่หมายถึงมีสุขภาพดี แข็งแรงทั้งกายและใจ จนถึงบั้นปลายชีวิต) จึงกลายเป็นเมกะเทรนด์ของโลก (การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ระดับโลก ที่ทำให้วิถีชีวิตและการทำงานของผู้คนรวมถึงทิศทางธุรกิจเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ)

 

ขณะที่หากโฟกัส ตลาด Wellness Economy ในประเทศไทย มีมูลค่ารวมกันกว่า 1.4 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง (ช่วงปี 2563-2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ราว 8.62%) โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดนี้จะเติบโตเฉลี่ย 7-10% ต่อปี ได้รับแรงหนุนจากกระแสความใส่ใจในสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังวิกฤตโควิด-19 และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่ประเทศไทยติดอันดับต้น ๆ ของโลกในการเติบโตของตลาดนี้ มีการประมาณการว่าปี 2568 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสร้างรายได้รวม 6.7 แสนล้านบาท

 

ที่สำคัญประเทศไทยกำลังเป็นที่จับตามอง ในฐานะศูนย์กลางของกลุ่มชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง (High Net Worth Individuals - HNWI) ซึ่งไม่ได้มองหาเพียงโอกาสทางธุรกิจหรือการพักผ่อน แต่ชาวจีนกลุ่มนี้ ได้มองหาคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสุขภาพ จึงเป็นโอกาสมหาศาลสำหรับอุตสาหกรรม Medical & Wellness ของไทย เนื่องจาก ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง และเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Hub) ของโลก



คุณนภัส กล่าวต่อว่า มีข้อมูลสำคัญที่สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง (HNWI) มีดังนี้

 

1. The Big Picture: คลื่นการลงทุนและย้ายถิ่นฐานของชาวจีนสู่ประเทศไทย โดยเรากำลังเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของชาวจีนที่เข้ามาลงทุนและอาศัยในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงมาก ดังนี้ ชาวจีนเป็นชาวต่างชาติรายใหญ่ที่สุด ที่เป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยปี 2567 มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมถึง 5,670 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 26.6 พันล้านบาท (สัดส่วน39% ของการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด) และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากกลุ่มทุนจีน (FDI) ไหลเข้ามาลงทุนในไทยเกือบ 5 แสนล้านบาทและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยมีจำนวนประชากรชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (ราว 7-10 ล้านคน) จึงทำให้คนไทยและคนจีนมีความสัมพันธ์อันดีจากความคุ้นเคยและความไว้วางใจที่มีมาอย่างยาวนาน และที่สำคัญกว่า 80% ของ 40 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในไทย มีเชื้อสายจีน

 

“ดังนั้นคนจีนที่เข้ามาในประเทศไทย จึงไม่ใช่เพียงเพื่อการท่องเที่ยว แต่เป็นการย้ายถิ่นฐานและการลงทุนระยะยาวของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก ซึ่งกำลังมองหาบ้านหลังที่สองที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตได้อย่างครบวงจร”

2. The Shift in Values: จากความมั่งคั่ง (Wealth) สู่สุขภาพที่ดี (Health) โดยกลุ่ม HNWI ชาวจีนในปัจจุบัน “สุขภาพ” ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จสูงสุด (The Ultimate Status Symbol) แซงหน้าสินค้าฟุ่มเฟือยแบบเดิม ๆ โดยพฤติกรรมการใช้จ่าย ชาวจีน กลุ่ม HNWI ใช้จ่ายราว 25% ของรายได้ต่อเดือนไปกับการดูแลสุขภาพ และพบว่า ชาวจีนกว่า 500,000 คน เดินทางไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) สร้างมูลค่าใช้จ่ายกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สอดคล้องกับ แนวคิดดั้งเดิมของจีนเรื่อง “การบำรุงรักษาสุขภาพ” (Yangsheng - 养生) ที่เน้นการมีชีวิตที่สมดุลและยืนยาวผสมผสานเข้ากับเทรนด์ Wellness สมัยใหม่ “กลุ่ม HNWI ชาวจีนไม่ได้มองหาแค่การรักษาเมื่อเจ็บป่วย แต่มองหาการลงทุนในสุขภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต พวกเขายินดีจ่ายเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุด และสุขภาพที่ดีคือเครื่องยืนยันความสำเร็จในชีวิตของพวกเขา”

3. The Ultimate Goal: การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี (Longevity & Healthspan) ดังนั้นเป้าหมายสูงสุดได้ขยับจากการมีอายุยืน (Lifespan) ไปสู่การมี “ช่วงชีวิตที่สุขภาพดี” (Healthspan) ที่ยาวนานขึ้น ซึ่งผลักดันให้ตลาด Longevity Medicine เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดย ตลาด Longevity ของจีนกำลังกลายเป็นพรมแดนการเติบโตใหม่ที่ทรงพลังของเศรษฐกิจไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ โดยมีการลงทุนมหาศาลจากทั้งภาครัฐและเอกชนในวิทยาศาสตร์การมีอายุยืนยาวอย่างสุขภาพดี (Longevity Science) ซึ่งเป็นการแพทย์เชิง Longevity มุ่งเน้นการป้องกันและการมีอายุยืนยาวอย่างสุขภาพดีตั้งแต่ในระดับเซลล์ โดยเริ่มดูแลตั้งแต่อายุ 30 ปี เพื่อยืด “Healthspan”

 

“เทรนด์ใหม่ที่มาแรงที่สุดในกลุ่ม HNWI คือ Longevity ไม่ใช่แค่การมีอายุยืนยาวอย่างสุขภาพดี แต่คือการใช้นวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ขั้นสูงเพื่อออกแบบชีวิตให้ยืนยาวและมีคุณภาพดีที่สุด ซึ่งประเทศไทยและศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้นำในตลาดนี้”

ด้าน ผศ.นพ. พลกฤต ทีฆคีรีกุล Chief Executive Officer ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์และเอสเพอรานซ์ และ Chief Science Officer ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน (พ.ศ. 2518-2568) ซึ่งเป็นปีที่มีความหมายสำคัญต่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศในทุกมิติ รวมถึงด้านสุขภาพและการแพทย์
และด้วยศักยภาพของไทยในตลาด Wellness and Longevity ที่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและ Longevity ที่ได้กลายเป็นเมกะเทรนด์โลก ในฐานะที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นศูนย์ส่งเสริมสุขภาพชั้นนำในภูมิภาคที่ได้รับการรับรอง GHA ระดับมาตรฐานสากล จึงได้ยกระดับการบริการ สู่การเป็น Longevity Hub เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง (HNWI) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไทย

 

ผศ.นพ. พลกฤต กล่าวต่อว่า ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มสำคัญนี้ และได้พัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่ม HNWI ชาวจีนได้อย่างตรงจุด
ดังนี้ 1. Personalized Health Care: บริการดูแลสุขภาพที่ออกแบบเฉพาะบุคคล โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้รับบริการแต่ละราย 2. Longevity & Healthspan: มุ่งมั่นพัฒนายกระดับการดูแลสุขภาพสู่การเป็น Longevity Hub ที่เป็นศูนย์กลางด้านเวชศาสตร์การมีอายุยืนยาวอย่างสุขภาพดีอย่างครอบคลุมแห่งแรก ๆ ในภูมิภาค เพื่อช่วยให้ผู้รับบริการของเรามีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี 3. Preventive Care: นำเสนอโซลูชันการป้องกันโรคร้าย 4 โรคหลัก (โรคหัวใจ, มะเร็ง, เบาหวาน และสมองเสื่อม) โดยใช้หลักการ Hallmarks of Aging ซึ่งเป็นการดูแลลึกถึงระดับเซลล์เพื่อป้องกันโรคก่อนที่จะเกิดขึ้น


“ไวทัลไลฟ์ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์สุขภาพ แต่เป็น Health Partner ที่จะร่วมเดินทางไปกับผู้รับบริการตลอดชีวิต โดยเราใช้ข้อมูลเชิงลึกและนวัตกรรมระดับโลกเพื่อสร้างแผนสุขภาพเฉพาะบุคคล ที่ช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่ยืนยาวและเปี่ยมด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่ม HNWI ชาวจีนที่กำลังเติบโตในไทยอย่างสมบูรณ์แบบ”

 

ผศ.นพ. พลกฤต ยังกล่าวถึง เทรนด์การดูแลสุขภาพและเป้าหมายในอนาคตว่า ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เราจะเห็นการเปลี่ยนจากการดูแลเมื่อป่วย มาสู่การสร้างสุขภาพก่อนป่วยมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยมีทั้งการตรวจยีน การวิเคราะห์สุขภาพเชิงลึก การใช้ข้อมูลเพื่อป้องกันโรค และการออกแบบแผนการดูแลเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สอดคล้องกับทิศทางโลกที่กำลังมุ่งสู่ Prevention and Longevity
“สำหรับไวทัลไลฟ์และบำรุงราษฎร์ เรามีเป้าหมายชัดเจนในการเป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้าน Scientific Wellness & Longevity ภายใต้แนวทาง “Evidence-based, Personalized, and Sustainable” โดยมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ของ Wellness ที่ไม่ใช่เพียงการผ่อนคลาย แต่คือการดูแลสุขภาพด้วยฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์เชิงรุก เพื่อให้ทุกคนมี “สุขภาพดีอย่างยั่งยืน”

ผศ.นพ. พลกฤต ยังให้มุมมองในภาพใหญ่ของประเทศไทยว่า ควรเป็น “การสร้างระบบนิเวศสุขภาพที่ครบวงจร (Integrated Health Ecosystem)” เชื่อมโยงตั้งแต่ การแพทย์ป้องกัน (Preventive Medicine), การรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment), การฟื้นฟู (Rehabilitation) ไปจนถึงเทคโนโลยีด้านอายุยืน (Longevity Technology) ไม่ใช่เพียงเรื่องของโรงพยาบาลหรือคลินิก แต่รวมถึงอาหาร สุขภาพจิต การออกกำลังกาย ที่อยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ

 

“การร่วมมือระหว่าง รัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา คือ กุญแจสู่การเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจสุขภาพของภูมิภาคอาเซียน” ของประเทศไทย เชื่อว่า หากเราสามารถผนึกกำลังกันบนพื้นฐานของข้อมูล วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม มั่นใจว่าประเทศไทย มีศักยภาพที่จะเป็น Global Destination for Longevity and Wellness ได้อย่างแน่นอน” ผศ.นพ. พลกฤต กล่าว

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

น้ำท่วมใต้ By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ปีนี้ ฟ้าฝน ดีเกินไป ล่าสุด ถึงรอบ ถึงคิวภาคใต้ ฝนตก ครั้งนี้ สาหัส น้ำท่วมหลายพื้นที่ใน...

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้