บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)KLINIQ
“กำไรงวด 3Q68 เท่ากับ 79 ลบ. +6%YoY, -12%QoQ ต่ำคาด 12% จาก %GP หดตัว”
Investment Highlight
กำไรสุทธิงวด 3Q68 เท่ากับ 79 ลบ. +6%YoY, -12%QoQ มี SSSG +8.1%YoY ต่ำกว่าคาดจากอัตรากำไรหดตัว
งวด 3Q68 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 878 ลบ. +3%QoQ, +17%YoY ใกล้เคียงคาดจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เติบโต 8.1%YoY และการเติบโตของยอดขายสาขาใหม่ โดยในงวด 3Q68 มีการเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา แบ่งเป็นแบรนด์ L.A.B.X 2 สาขา และ แบรนด์ L’Clinic 1 สาขา ขณะที่มีการปิด 1 สาขาแบรนด์ L.A.B.X 1 สาขา ทำให้สิ้นงวด 3Q68 มีสาขารวม 79 สาขา มีอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ระดับ 49.4% (ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 51.0%) ลดลง QoQ, YoY จาก 50.8% ใน 2Q68 และ 51.5% ในงวด 3Q67 โดยสาเหตุหลักที่ %GPM ปรับตัวลงมาจาก 1.การเปิดสาขาของแบรนด์ L’CLINIC ซึ่งในช่วงแรกยังมีรายได้ไม่ครอบคลุมต้นทุนขาย 2.Product mix ที่เปลี่ยนแปลงไปจากสัดส่วนของหัตถการที่มี margin ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และ3. สัดส่วนรายได้จากแบรนด์ L.A.B.X L’CLINIC และโรงพยาบาลศัลยกรรม เพิ่มสูงขึ้นล้วนมี marginต่ำกว่าแบรนด์ The KLINIQUE ประกอบกับมีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว(One-time) ราว 5 ลบ.จากการปิดสาขา 2 แห่ง ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเท่ากับ 79 ลบ.
-12%QoQ, +6%YoY หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวบริษัทมีกำไร 84 ลบ.ต่ำคาด 6%
ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68-69 -10%, -5% ตามลำดับ เหลือ 347 ลบ. +8%YoY และ 406 ลบ. +17%YoY ตามลำดับ จากการปรับลด %GP
คงคาดการณ์รายได้ปี 68-69 เท่ากับ 3,401 ลบ. +14%YoY และ 3,911 ลบ. +15%YoY ตามลำดับ ปี 68 ปัจจัยการเติบโตมาจากยอดขายสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ 13 แห่ง (ปิด 3 สาขา) ทำให้มีสาขาใหม่ทั้งสิ้น 10 สาขา จาก 72 สาขาเมื่อปี 67 เป็น 82 สาขาในปี 68 แบ่งเป็นแบรนด์ The KLINIQUE 2 สาขา L.A.B.X 3 สาขาและ L Clinic 5 สาขา ช่วง 9M68 เปิดแล้ว 7 สาขา ปี 69 คาดการเติบโตจะมาจากยอดขายสาขาเดิม และสาขาใหม่ราว 10 สาขาต่อปี ปรับลดสมมติฐาน %GPM เหลือที่ระดับ 51.4% และ 52.0% จากเดิมที่ระดับ 53.0% 53.3% ตามลำดับ สาเหตุหลักจากสัดส่วนรายได้ที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี68-69 -10%, -5% เหลือ 347 ลบ +8%YoY และ 406 ลบ. +17%YoY ตามลำดับ ช่วง 9M68 กำไรสุทธิคิดเป็นสัดส่วน 73% ของประมาณการกำไรปี 68
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 69 เหลือ 27.70 จากราคาเหมาะสมเดิมปี 68 ที่ 31.60 บาท
เราประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้ Prospective PER ใหม่ที่ระดับ 15x ลดลงจากเดิมที่ 18x ใช้ค่าเฉลี่ยที่ระดับ -1SD. ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี เนื่องจากการปรับลดคาดการณ์กำไร ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 69 จำนวน 1.85 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมปี 69 เท่ากับ 27.70 บาท ลดลงจากราคาเหมาะสมเดิมปี 68 ที่ 31.60 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบันราว 39% ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 5.1% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ปัจจัยเสี่ยง
1. การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจเสริมความงาม
2. การพึ่งพิงบุคลากรทางการแพทย์
3. การพึ่งพิงธุรกิจในช่องทางห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
4. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
Analyst: Panachai Kritthanachai
02 672 5997
panachai@globlex.co.th