Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบและคงอันดับเครดิตภายในประเทศของกลุ่มบริษัท ฟินันเซีย ที่ ‘BBB+(tha)’

96

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 พฤศจิกายน 2568 )-----ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ของ บริษัท ฟินันเซีย เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ FSX และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เป็น “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ” จากเดิม “แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ” และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'BBB+(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)'

 

การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่ยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง และยังมีความไม่แน่นอนในระดับความแข็งแกร่งของเครือข่ายธุรกิจของกลุ่ม ซึ่งต้องเผชิญกับสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ซบเซาในประเทศไทย

 

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตมีปัจจัยสนับสนุนจากความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท: อันดับเครดิตภายในประเทศของ FSS และ FSX พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตรวมของทั้งกลุ่ม ซึ่งสะท้อนความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดของทั้ง 2 บริษัท โดย FSS เป็นกิจการหลักของกลุ่มและคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 96% และ 86.5% ของรายได้รวมและสินทรัพย์รวมของกลุ่มในครึ่งปีแรกของปี 2568 ตามลำดับ ในขณะที่ FSX เป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มและมีสัดส่วนการถือหุ้นแบบสัดส่วนผลประโยชน์สุทธิ (effective shareholding) ใน FSS ที่ 99.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 และดำเนินงานภายใต้โครงสร้างผู้บริหารที่คล้ายกัน อีกทั้งยังมีการกำกับดูแลความเสี่ยง ควบคุมการดำเนินงาน และการกำหนดกลยุทธ์ร่วมกัน ทั้งนี้ ฟิทช์ไม่ได้พิจารณาปรับลดอันดับเครดิตของ FSX ให้แตกต่างจาก FSS เนื่องจากฟิทช์คาดว่า FSX จะสามารถรักษาอัตราส่วน Double Leverage ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 120% (89.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568) ควบคู่ไปกับนโยบายการบริหารสภาพคล่องที่ยังคงมีความระมัดระวังในระยะปานกลาง

 

เครือข่ายธุรกิจที่มุ่งเน้นในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อรายย่อย: เครือข่ายธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อรายย่อยของ FSS ในประเทศไทย อยู่ในระดับที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของ FSS น่าจะถูกจำกัดจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ซบเซา แม้บริษัทจะมีความพยายามที่จะกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล เช่น ธุรกิจผู้ให้บริการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ (Initial Coin Offering Portal) และธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม เช่นธุรกิจ wealth management โดยรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์คิดเป็น 59%  ของรายได้รวมในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568  เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 36% ซึ่งสะท้อนถึงการกระจุกตัวในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท

 

ยังมีแรงกดดันต่อผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์: บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยยังเผชิญแรงกดดันจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ซบเซา โดยมูลค่าการซื้อขายของในตลาด ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 ปรับตัวลดลง 7% เมื่อเทียบช่วงดียวกันของในปีก่อน (ปี 2567: -12%) และปริมาณบริษัทที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ที่ลดลงอย่างมาก  บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ มีการกระจายรายได้ไปยังธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างประเทศมากขึ้น แต่ฟิทช์คาดว่าศักยภาพการทำกำไรไม่น่าจะปรับตัวดีขึ้นได้มากนักในระยะสั้น และสภาวะตลาดน่าจะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง

ผลประกอบการยังคงอ่อนแอ: ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของกลุ่ม น่าจะยังคงอ่อนแอและมีความผันผวนกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอันดับเครดิตสูงกว่า จากการที่กลุ่มบริษัทน่าจะยังคงต้องพึ่งพาธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับรายย่อยเป็นหลัก อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (Operating profit/average equity) อยู่ในระดับติดลบมาตั้งแต่ปี 2566 (ครึ่งปีแรกของปี 2568: -8.4%, ปี 2567: -3.7%, ปี 2566: -7.1%) เนื่องจากสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่เอื้ออำนวยและปริมาณการซื้อขายในตลาดที่ซบเซา การที่บริษัทจะสามารถฟื้นตัวกลับมากำไรได้ในระยะสั้นนั้น น่าจะอยู่กับภาวะตลาดหลักทรัพย์และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ (execution risk)

 

ความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านเงินกองทุนอยู่ในระดับที่เพียงพอ: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนระดับหนี้สินของกลุ่มน่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวในระยะสั้น และน่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง กลุ่มบริษัทสามารถรักษาฐานะเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราส่วน net adjusted leverage ที่ 1.9 เท่า ในครึ่งปีแรกของปี 2568 (ปี 2567 1.6 เท่า: ปี 2566 2.4 เท่า) ทั้งนี้เงินกองทุนของกลุ่มได้ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอีกจากการเพิ่มทุนโดยผู้ถือหุ้นเดิม เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ส่งผลให้อัตราส่วน net adjusted leverage ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 1.7 เท่า

 

สภาพคล่องทรงตัว: FSS มีการพึ่งพาเงินทุนจากตลาดทุนเพื่อดำเนินกิจการตามวัฏจักรของธุรกิจ ซึ่งเป็นลักษณะที่คล้ายกันกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นในประเทศ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินกู้ยืมระยะสั้นของบริษัท ทรงตัวอยู่ที่ระดับมากกว่า 1.0 เท่า ตั้งแต่ ปี 2565 (ปี 2567 -ณ สิ้นเดือน มิถุนายน ปี 2568: 1.6 เท่า) และยังคงมีความยืดหยุ่นด้านการระดมเงินทุน (funding) ที่เพียงพอ

 

ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

FSS

อันดับเครดิตภายในประเทศของ FSS อาจได้รับการปรับลดอันดับ หากบริษัทยังคงมีผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่เอื้ออำนวยเป็นเวลานาน นอกจากนี้ หากบริษัทไม่สามารถปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรให้ปรับตัวดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การทบทวนการประเมิน (re-assessment)โครงสร้างธุรกิจ (business profile) และความสามารถในการบริหารจัดการได้ แม้ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทซึ่งเป็นรายได้หลัก จะยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม

 

การทบทวนการประเมินโครงสร้างความเสี่ยงของบริษัท หรือ ความสามารถในการการรองรับความเสี่ยงของบริษัท ยังอาจนำไปสู่การพิจารณาปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทได้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีตัวอย่าง เช่น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราส่วน net adjusted leverage ที่สูงกว่า 5 เท่าเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง หรือ การปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญของระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของบริษัท ผ่านการขยายธุรกิจ

 

ทั้งนี้การพิจารณาดังกล่าวจะพิจารณาเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตของบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ด้วยเช่นกัน

 

อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นอาจถูกปรับลดลง หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวถูกปรับลดลง

 

FSX

อันดับเครดิตภายในประเทศของ FSX อาจเปลี่ยนแปลงไปตามมุมมองของฟิทช์ในการพิจารณาโครงสร้างเครดิตของกลุ่มบริษัทเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต ซึ่งสะท้อนจากอันดับเครดิตของ FSS

 

ทั้งนี้การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวยังอาจเกิดขึ้นได้ หากอัตราส่วน Double Leverage Ratio ของ FSX ปรับตัวสูงกว่า 120% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงวิธีในการจัดอันดับเครดิต ยังอาจเกิดขึ้นได้ หากสัดส่วนการถือหุ้นของ FSX ใน FSS ปรับลดลงต่ำกว่า 75% และมีการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในระดับที่มีนัยสำคัญ หรือ หาก FSS มีสัดส่วนสินทรัพย์ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมของกลุ่มในระดับที่น้อยกว่า 75% ซึ่งในกรณีดังกล่าว ฟิทช์อาจเปลี่ยนแปลงวิธีพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทโฮลดิ้งส์ และอาจนำไปสู่อันดับเครดิตที่แตกต่างกันระหว่างทั้งสองบริษัทได้

 

ทั้งนี้การพิจารณาดังกล่าวจะพิจารณาเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตของบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ด้วยเช่นกัน

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

FSS

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดได้จากการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของโครงสร้างเครดิตของกลุ่มบริษัท (standalone credit profile) ซึ่งสะท้อนได้จากการมีโครงสร้างธุรกิจ (business profile) ที่ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถสะท้อนได้จากการมีสัดส่วนของแหล่งรายได้จากการดำเนินงานหลัก (recurring income) ที่มีเสถียรภาพและเพิ่มมากขึ้น ในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยอาจบ่งชี้ได้จากการมีอัตราส่วนของกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้นตลอดวัฏจักรธุรกิจ ในขณะที่โครงสร้างความเสี่ยงและฐานะทางการเงินโดยรวมยังคงทรงตัวในระดับใกล้เคียงเดิม แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น

 

FSX

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ FSX อาจเกิดขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของโครงสร้างเครดิตของกลุ่ม หรือ หากโครงสร้างเครดิตของ FSS มีสถานะดีขึ้นเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์แต่ ทั้งนี้อัตราส่วน double leverage ของ FSX จะต้องอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 120% ควบคู่ไปกับการที่บริษัทสามารถรักษาการบริหารสภาพคล่องที่เหมาะสมได้ต่อเนื่อง

แหล่งข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อการพิจารณาอันดับเครดิต

แหล่งที่มาของข้อมูลหลักที่ใช้ในการประเมินอันดับเครดิตมีรายละเอียดเปิดเผยอยู่ในเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้องของฟิทช์

 

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้

FSX

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘BBB+(tha)’; ปรับเป็น “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ” จากเดิม “แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ”

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F2(tha)’

FSS

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘BBB+(tha)’; ปรับเป็น “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ” จากเดิม “แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ”

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F2(tha)’

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้