Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

95


ยังผันผวน ... รอความชัดเจนคืนนี

HORIZON MARKET VIEW
•แรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคฯ กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ท่ามกลางความกังวลในหลายประเด็นของหุ้นกลุ่ม AI ทั้งเรื่องมูลค่าสูงเกินไป, การสร้างรายได้และกำไรอาจไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมหาศาล, ความเสี่ยงที่เงินในอุตสาหกรรม AI กำลังหมุนเวียนอยู่ในวงปิด (AI MONEY LOOP) ทำให้รายงานผลประกอบการ NVIDIA ในวันที่ 19 พ.ย. 68 (วันที่ 20 พ.ย. 68 ช่วง 3.00 น.ตามเวลาไทย) เป็นที่น่าจับตาเป็นวงกว้าง
• นอกจากนี้ยังมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ แม้ล่าสุดข้อมูลแรงงานจะอ่อนแอ แต่ในมุมมองของตลาดการเงิน ยังคงให้น้ำหนักเกิน 50%คาด FED จะ “คง” ดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน ธ.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 20พ.ย. 68 ยังต้องจับตารายงานการจ้างงานสหรัฐฯ เดือน ก.ย. อย่างใกล้ชิด

 


REGION RADAR
•การลดลงของความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของ FED ถือเป็น "แรงกดดัน" ต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (MAG-7) ตามกลไก อีกทั้งจำนวนหุ้นใน NASDAQ ที่ทำ 52 WEEK LOW ได้พุ่งสูงขึ้น เป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะตลาดไม่สมดุลซึ่งมีความเสี่ยงต่อการพักฐาน
• โดยหุ้น BIG TECH หลายตัวมี FORWARD P/E ที่สูงกว่า 1 SD(ค่าเฉลี่ย 5 ปี) อาทิ BROADCOM, TESLA, PALANTIR, ORACLE,และ APPLE มีโอกาสผันผวนหากมีปัจจัยลบเข้ามา แนะหลบที่ หุ้นHEALTH CARE อย่าง ABBV19, MRK US


THAI FOCUS
• แผนกระทรวงการคลังระยะปานกลางเป็นความพยายามของรัฐบาลในการส่งสัญญาณถึงวินัยทางการคลัง โดยมีเป้าหมายคือการ ปรับลดขนาดของการขาดดุลงบประมาณ (จาก 4.4% เป็น 3.0% ของ GDPภายในปี 2572) เพื่อให้การก่อหนี้ใหม่ลดลง
• ส่วนระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ยืนยันว่า จะไม่เกินกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไว้ไม่ให้เกิน 70% ของ GDP

SYNAPSE STRATEGY
•ตลาดหุ้นไทยประกาศกำไรงวด 3Q68เสร็จสิ้น 2.51 แสนล้านบาท ถือว่าทำได้ดีเติบโต 31%QOQ และ -19%YOY แต่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้ยังย่อตัว ตามปัจจัยกดดันภายนอกอยู่
• อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยมีลักษณะเป็นหุ้น VALUE ถือว่ามีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น TECH และหุ้น GROWTH ในช่วงนี้มาก กลยุทธ์แนะนำหุ้น HEALTH CARE ต่างประเทศ DR : ABBV19 และ MRK USส่วนหุ้นไทยชอบ CPF, WHA, TOP


HORIZON MARKET VIEW
ตลาดหุ้นปรับฐานต่อเนื่อง
แรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคฯ กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ท่ามกลางความกังวลในหลายประเด็นของหุ้นกลุ่ม AI ทั้งเรื่องมูลค่าสูงเกินไป, การสร้างรายได้และกำไอาจไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมหาศาล, ความเสี่ยงที่เงินในอุตสาหกรรม AI กำลังหมุนเวียนอยู่ในวงปิด (AI MONEY LOOP) ซึ่งกระแสข่าวล่าสุด MICROSOFT และ NVIDIA เตรียมลงทุนสูงสุด 15,000 ล้านดอลลาร์ใน ANTHROPIC บริษัทผู้พัฒนา AI พร้อมกับมีเงื่อนไขที่ ANTHROPIC ต้องซื้อบริการประมวลผลจาก MICROSOFT มูลค่า 30,000ล้านดอลลาร์อีกด้วย

ทำให้รายงานผลประกอบการ NVIDIA ในวันที่19 พ.ย. 68(วันที่ 20 พ.ย. 68 ช่วง3.00 น. ตามเวลาไทย) เป็นที่น่าจับตาเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ NVIDIA ได้ออกคาดการณ์รายได้ที่ค่อนข้างต่ำใน 3Q68 โดยคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ราว 54,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับประมาณการของนักวิเคราะห์บางรายที่คาดไว้มากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของรายได้มีแนวโน้มที่ชะลอตัวลง

นอกจากนี้ยังมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ แม้ล่าสุดข้อมูลแรงงานจะอ่อนแอ โดยยอดขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 18 ต.ค. 68 อยู่ที่ 232,000 ราย ซึ่งสูงกว่าคาดที่ 223,000ราย แต่ในมุมมองของตลาดการเงิน ยังคงให้น้ำหนักเกิน 50% คาด FED จะ “คง” ดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือนธ.ค. นี้อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตารายงานการจ้างงานสหรัฐฯ เดือน ก.ย. (ล่าช้าจาก SHUTDOWN) อย่างใกล้ชิดในวันที่ 20 พ.ย. 68


REGION RADAR
โอกาสเห็นการปรับฐานตลาดหุ้นสหรัฐฯ ... ยังมีอยู่
หลังโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนธ.ค.68 ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากที่มีโอกาสลดดอกเบี้ยเกือบ 100%(ช่วงกลาง ต.ค.68) สู่ระดับล่าสุดเพียง 41ซึ่งภาวะดังกล่าวการลดลงของความคาดหวังในการลดดอกเบี้ย ถือเป็น "แรงกดดัน" ต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (MAG-7)เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้มักจะอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยสูง เมื่ออัตราดอกเบี้ยถูกคาดว่าจะคงอยู่สูงนานขึ้น (HIGHERFOR LONGER) จะทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น และลดมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต ทำให้หุ้นที่อิงการเติบโตสูงอย่าง MAG-7 อาจเผชิญกับการปรับฐานได้

อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯส่งสัญญาณอ่อนแอขึ้น โดย หลังจากการเกิดสัญญาณเตือนที่อาจเป็น "HINDENBURGOMEN" ในช่วงปลายเดือนต.ค.68 ตัวเลขของหุ้นที่ทำ "จุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ (52 WEEK LOW)" ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีหุ้นใน NASDAQ ถึง10.4% ที่ทำจุดต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ซึ่งสูงกว่าจำนวนหุ้นที่ทำ "จุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ (52 WEEK HIGH)" ซึ่งอยู่ที่เพียง 2.5% เท่านั้น ซึ่งสะท้อนว่าตลาดกำลังอ่อนแอในวงกว้าง (หุ้นส่วนใหญ่ตก) แม้ว่าดัชนีหลักอาจจะยังดูแข็งแกร่ง (เนื่องจากถูกพยุงด้วยหุ้นขนาดใหญ่อย่างMAG-7 เพียงไม่กี่ตัว) เป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะตลาดที่ไม่สมดุลและมีความเสี่ยงต่อการเกิดการพักฐานอีกครั้ง


แม้จะมีการปรับฐานด้านมูลค่าหุ้นมาบ้างแล้ว แต่หุ้น BIG TECH หลายตัวยังมี FORWARD P/E ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ โดยหุ้นที่มีความเสี่ยงมูลค่าสูง : หุ้นอย่าง BROADCOM, TESLA, PALANTIR,ORACLE, และ APPLE ยังคงมี FORWARD P/E ที่ สูงกว่า 1 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีซึ่งหมายถึงโอกาสในการปรับฐานที่รุนแรง หากมีปัจจัยลบเข้ามา

 

THAI FOCUS
เศรษฐกิจไทยระยะยาวยังดูดี หากเป็นไปตามเป้าหมายรัฐบาล
รัฐบาลได้อนุมัติแผนที่จะดำเนินมาตรการทางการคลังเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณลงอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายชัดเจนว่า การขาดดุลงบประมาณต่อ GDP จะต้องไม่เกิน 3% ภายในปีงบประมาณปี2572เป้าหมาย3% นี้ถือเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2569 ที่ประมาณการการขาดดุลไว้ที่ 4.4%ของ GDP ซึ่งน่าจะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณรายปีได้ ที่ล่าสุดการขาดดุลในช่วงปี 2568-2570 อยู่ระดับใกล้เคียง 900,000 ล้านบาท ต่อปี(ดังรูปด้านขวา) ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วย ชะลอการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะ และควบคุมให้อยู่ภายในกรอบ 70%

สรุป แผนกระทรวงการคลังระยะปานกลางนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาลในการส่งสัญญาณถึงวินัยทางการคลัง โดยมีเป้าหมายคือการ ปรับลดขนาดของการขาดดุลงบประมาณ (จาก 4.4% เป็น 3.0% ของ GDP) เพื่อให้การก่อหนี้ใหม่ลดลง และทำให้อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สามารถคงอยู่ในระดับที่ถือว่ายั่งยืน (ไม่เกิน70%) ในระยะยาวได้

 


YNAPSE STRATEGY
ตลาดหุ้นไทยกำไรดี แต่มีโอกาสย่อตามหุ้นโลกอยู่
ตลาดหุ้นไทยประกาศกำไรงวด 3Q68 เสร็จสิ้น 2.51 แสนล้านบาท ถือว่าทำได้ดี เติบโต 31%QOQ และ -19%YOY แต่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้ยังย่อตัว ตามปัจจัยกดดันภายนอกอย

อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยมีลักษณะเป็นหุ้น VALUE ถือว่ามีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น TECH และหุ้น GROWTHในช่วงนี้มาก (ตามผลตอบแทนรายเดือน ในสินทรัพย์ต่างๆ ตามตารางทางด้านล่าง) กลยุทธ์แนะนำหุ้น HEALTHCARE ต่างประเทศ DR : ABBV19 และ MRK US ส่วนหุ้นไทยชอบ CPF, WHA, TOP

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NKT เปิดโรงพยาบาลนครธน2เดือนธันวาคมนี้ เติมรายได้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้