Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

81

 

 

ปัจจัยกดดันยังมาไม่หยุด

HORIZON MARKET VIEW
• การฟื้นตัวของหุ้นที่นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มแผ่วลง ท่ามกลางความกังวลว่า ธนาคารกลางต่างๆ จะไม่เดินหน้านโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายในช่วงที่เหลือ ของปีนี้ ขณะที่ผลสำรวจของ FEDWATCH TOOL คาดการณ์โอกาส FED ลด ดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. 68 มีน้ำหนักต่ำกว่า 50% แล้ว หลังข้อมูลอาจไม่เพียงพอต่อการ ตัดสินใจ จากผลกระทบของ GOVERNMENT SHUTDOWN
• อีกหนึ่งประเด็น คือ กิจกรรมเศรษฐกิจจีนชะลอตัวมากกว่าที่คาดในช่วงต้น 4Q68 โดยมีการทรุดตัวของการลงทุนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการเติบโตของการ ผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอลง เพิ่มแรงกดดันจากการบริโภคที่ซบเซา

 

REGION RADAR
• TENCENT รายงานรายได้รวมในไตรมาส 3/25 อยู่ที่ 1.92 แสนล้าน หยวน +15% YOY (สูงกว่าคาด 2.2%) ขณะที่ EPS อยู่ที่ 7.58 หยวน +19% YOY (สูงกว่าคาด 6.5%) หนุนจากรายได้จากธุรกิจหลักอย่าง เกมที่มีการเติบโตโดดเด่นในไตรมาสนี้แนะนำเก็งกำไร TENCENT80
• BERKSHIRE HATHAWAY เปิดเผยผ่านเอกสารรายงานต่อ SEC ว่าได้เข้าซื้อหุ้น ALPHABET เป็นครั้งแรกในไตรมาส 3 มูลค่ารวมราว $4.3 พันล้าน ส่งผลให้ALPHABET กลายเป็นหุ้นใหญ่อันดับที่ 10 ใน พอร์ตการลงทุนของทางบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน

 

THAI FOCUS
• เช้านี้ เวลา 9.30 น. จับตาสภาพัฒน์เผยตัวเลข GDP ไทยใน 3Q68 โดย CONSENSUS คาดขยายตัว +1.6%QOQ และ -0.3%QOQ ซึ่ง มีแนวโน้มสอดคล้องกับเศรษฐกิจหลายประเทศ ที่เติบโตชะลอตัวลง ในช่วง 2H68 ด้วยแรงกดดันหลักๆ จากมาตรการกีดกันทางการค้า
• ในมุมความเชื่อมั่นของประเทศ ล่าสุด S&P GLOBAL RATINGS จัด อันดับความน่าเชื่อถือของไทย “มีเสถียรภาพ” และคงความน่าเชื่อถือ ของประเทศไทยที่ BBB+ (ไม่เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ 13 เม.ย. 2020)

 

SYNAPSE STRATEGY
• นักลงทุนกลับมากังวลประเด็น TARIFF, ข้อพิพาทกัมพูชาและยังมีน้ำ ท่วม อาจกดดันตัวเลขนักท่องเที่ยวและ GDP ลงได้ รวมถึง SET INDEX ย่อตัวลงต่อได้หากเทียบเคียงช่วง LIBERATION DAY 2 วัน SET -9%, ช่วงสู้รบกัมพูชาและมีคลิปเสียงหลุด 1 เดือน -8%
• ขณะที่ต่างชาติยังขายหุ้นไทยมา 7วันติด -1.0 หมื่นล้านบาท กลยุทธ์ แนะนำหุ้น DEFENSIVE BDMS, BEM หุ้นกำไร 3Q68 ออกมาดี CK แล้วค่อยทยอยสะสมหุ้นเพิ่ม หลังประเด็นต่างเริ่มผ่อนคลายลง

 

HORIZON MARKET VIEW

แรงบวกเริ่มแผ่ว
การฟื้นตัวของหุ้นที่นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มแผ่วลง ท่ามกลางความกังวลว่าธนาคารกลางต่างๆ จะไม่เดินหน้า นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ผลสำรวจของ FEDWATCH TOOL คาดการณ์ โอกาส FED ลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. 68 มีน้ำหนักต่ำกว่า 50% แล้ว หลังข้อมูลอาจไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจ จากผลกระทบของ GOVERNMENT SHUTDOWN

 

อีกหนึ่งประเด็น คือ กิจกรรมเศรษฐกิจจีนชะลอตัวมากกว่าที่คาดในช่วงต้น 4Q68 โดยมีการทรุดตัวของการ ลงทุนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการเติบโตของการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอลง เพิ่มแรงกดดันจากการ บริโภคที่ซบเซา รายละเอียดดังนี้

 

• การลงทุนสินทรัพย์ถาวร (FIXED-ASSET INVESTMENT) ลดลง -1.7%YOY ในช่วง 10 เดือนแรก ของปี ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์

• การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. 68 เพิ่มขึ้นเพียง +4.9% YOY ต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี (คาดการณ์ เฉลี่ย 5.5%)

• ยอดขายปลีก เดือน ต.ค. 68เพิ่มขึ้นเพียง +2.9% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งเป็นสถิติยาวนานที่สุด ตั้งแต่ปี 2564

 

REGION RADAR TENCENT

รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาสูงกว่าคาด
บริษัทรายงานรายได้รวมในไตรมาส 3/25 ออกมาอยู่ที่ 1.92 แสนล้านหยวน +15% YOY (สูงกว่าคาด 2.2%) ขณะที่ EPS อยู่ที่7.58 หยวน +19% YOY (สูงกว่าคาด 6.5%) หนุนจากรายได้จากธุรกิจหลักอย่างเกมที่มีการ เติบโตโดดเด่นในไตรมาสนี้ ซึ่งรายได้จากเกมในประเทศอยู่ที่ 4.28 หมื่นล้านหยวน +15% YOY และรายได้จาก เกมในต่างประเทศอยู่ที่ 2.08 หมื่นล้านหยวน +43% YOY

 

แนะนำเก็งกำไร TENCENT (DR:TENCENT80) โดยผลประกอบการในไตรมาส 3 ออกมาแข็งแกร่งหนุนจากการ เติบโตของธุรกิจหลักอย่างเกม โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจเกมในต่างประเทศ

 

BERKSHIRE HATHAWAY เข้าถือหุ้น ALPHABET มูลค่า $4.3 พันล้าน
BERKSHIRE HATHAWAY ของ WARREN BUFFETT เปิดเผยผ่านเอกสารรายงานต่อ SEC ว่าได้เข้าซื้อหุ้น ALPHABET เป็นครั้งแรกในไตรมาส 3 มูลค่ารวมราว $4.3 พันล้าน ส่งผลให้ALPHABET กลายเป็นหุ้นใหญ่ อันดับที่ 10 ในพอร์ตการลงทุนของทางบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม BERKSHIRE ได้มีการลด สัดส่วนการถือหุ้น APPLE ลงอีก 15% ในไตรมาส 3 สู่ระดับ $6.0 หมื่นล้าน หลังจากในปี 2024 เคยขายหุ้น APPLE ออกไปแล้วถึงสองในสามของพอร์ตเดิม ซึ่งเป็นการปรับพอร์ตครั้งใหญ่ของ BUFFETT

 

แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น ALPHABET (DR:GOOG80)

 

THAI FOCUS

จับตา GDP GROWTH ไทยใน 3Q68
เช้านี้ เวลา9.30 น. จับตาสภาพัฒน์เผยตัวเลข GDP GROWTH ไทยใน 3Q68โดย CONSENSUS คาดขยายตัว +1.6%QOQ และ -0.3%QOQ ซึ่งมีแนวโน้มสอดคล้องกับเศรษฐกิจหลายประเทศที่เติบโตชะลอตัวลงในช่วง 2H68 ด้วยแรงกดดันหลักๆ จากมาตรการกีดกันทางการค้า

 

ในมุมความเชื่อมั่นของประเทศ ล่าสุด S&P GLOBAL RATINGS จัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย “มี เสถียรภาพ” และคงความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ (ไม่เปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ 13 เม.ย. 2020) พร้อมกับ ปรับคาดการณ์ GDP ปีหน้า ลดลงจาก 2.6% เหลือ 2.0% แต่ยังสูงกว่า CONSENSUS คาดที่ 1.8% โดยมี รายละเอียดดังนี้

 

S&P มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายทั้ง ภายนอกและภายในประเทศ อย่างไรก็ดีไทยยังมีนโยบายการคลังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น คาด GDP ปี 2025 โต 2.3%, ปี 202โต 2.0% (ชะลอตัวลงจากปี 2024 ที่ 2.5%) ส่วน หนี้ภาครัฐบาลสุทธิต่ออัตราการ เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (NET GENERAL GOVERNMENT DEBT TO GDP) คาดว่า ในปี 2568 และ 2569 จะ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 3%

 

สำหรับจุดแข็งของไทย มีทั้งงบดุลต่างประเทศแข็งแรง หนี้สาธารณะอยู่ในระดับกลาง รวมทั้งการบริหารนโยบาย การเงินและการคลังมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตามไทยยังมีข้อจำกัด อาทิ รายได้ต่อหัวต่ำเมื่อเทียบกับประเทศรายได้ ปานกลางอื่น และความไม่แน่นอนทางการเมืองยาวนานกว่า 10 ปี

 

⬇ DOWNSIDE RISK – ความเสี่ยงลดอันดับ CREDIT RATING หากเศรษฐกิจไทยเติบโตอ่อนแอกว่าคาด ต่อเนื่อง, รายได้ต่อหัวไม่เพิ่มขึ้น, นโยบายการคลังแย่ลงจนหนี้เพิ่มเร็วกว่าคาด

⬆UPSIDE RISK –โอกาสปรับขึ้น CREDIT RATING หากบ้านเรามีเสถียรภาพทางการเมืองที่ยาวนาน ไม่มีการ เปลี่ยนแปลงทางการเมืองแบบฉับพลัน

 

SYNAPSE STRATEGY

ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นยังมาไม่หยุด
นักลงทุนกลับมากังวลประเด็น TARIFF, ข้อพิพาทกัมพูชา และยังมีน้ำท่วม อาจกดดันตัวเลขนักท่องเที่ยวและ GDP ลงได้ เพราะสหรัฐ เป็นอันดับ 1 ได้ดุลการค้ากับไทย 3.5 หมื่นล้านเหรียญ, กัมพูชา เป็นอันดับ 2 ได้ ดุลการค้าไทย 8.0 พันล้านเหรียญ แต่ช่วงเดือน มิ.ย. - ก.ย. 68 พลิกกลับมาขาดดุลทุกเดือน รวมดุลการค้า สหรัฐและกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วน GDP 8% ขณะที่ไทยเสียดุลการค้ากับจีนสูงถึง 9% ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมเคย กดดัน GDP4Q54 -4YOY

 

และหากเทียบเคียงกับ SET INDEX ช่วง LIBERATION DAY 2 วัน SET -9%, ช่วงสู้รบกัมพูชาและมีคลิปเสียง หลุด 1 เดือน -8% และช่วงน้ำท่วมปี 54 2 เดือน SET -12% เป็นต้น

 

กลับมาที่ปัจจุบัน ต่างชาติยังขายหุ้นไทยมา 7 วันติด -1.0 หมื่นล้านบาท กลยุทธ์ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยถูกรายล้อม ด้วยปัจจัยลบ แนะนำถือเงินสดบางส่วน 20% -30% ของพอร์ต แนะนำหุ้น DEFENSIVE BDMS, BEM หุ้นกำไร 3Q68 ออกมาดี CK แล้วค่อยทยอยสะสมหุ้นเพิ่ม หลังประเด็นต่างเริ่มผ่อนคลายลง เพราะทุกประเด็นในอดีตก็ ฟื้นกลับมาได้หมดเหมือนกัน

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 


 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้