Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

MGC-ASIAโชว์งบไตรมาส 3/2568 กำไรสุทธิพุ่ง 2,526% (YoY) เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.14 บาท/หุ้น

121


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(17 พฤศจิกายน 2568)---------บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA เสิร์ฟข่าวดี 2 เด้ง โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 แตะ 253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,526% (YoY) และมีรายได้รวมแตะ 5,859 ล้านบาท เติบโต 29% (YoY) ขณะที่งวด 9 เดือนแรก กำไรสุทธิ 362 ล้านบาท เติบโต 619% (YoY) ผลลัพธ์จากการควบคุมและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวสู่ยุคแห่งการเติบโตเชิงโครงสร้างที่แข็งแรงที่สุดในรอบหลายปี โดยไตรมาส 3/2568 สะท้อนคุณภาพการเติบโตของ MGC-ASIA อย่างชัดเจนจากยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียม BMW ‘The i7’ ซึ่งทาง มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป ครอง market share สูงสุด, ยานยนต์ไฟฟ้า Smart EV XPENG ผู้นำตลาดพรีเมียม EV อัจฉริยะ สอดคล้องกับโมบิลิตี้เทรนด์ของโลกในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นที่ยอมรับด้านคุณภาพ รวมถึงบริหารด้านกลยุทธ์และเครือข่ายผู้จำหน่ายได้อย่างครบวงจร, ZEEKR รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี่ที่ได้รับความนิยมสูง ขณะที่บริการหลังการขายและธุรกิจรถยนต์มือสอง สร้างรายได้ประจำให้บริษัทฯ ผสานแรงขับเคลื่อนทางการเงินของ ALPHA X และประกันภัย Howden Maxi ที่ร่วมสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.14 บาท พร้อมเดินเกมรุกด้วยศักยภาพของ MGC Ecosystem ที่ครอบคลุมทุกมิติ


บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,526% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีรายได้รวม 5,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% (YoY) ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% (YoY) ทำให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 362 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 619% (YoY)และมีรายได้รวม 14,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% (YoY) ขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ1,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% (YoY) จากการควบคุมและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่น ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญ ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาทโดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 (Record Date) และกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 พร้อมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568


ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฯมุ่งเน้นการวางแผนธุรกิจอย่างชัดเจนและครอบคลุม โดยทิศทางไตรมาสสุดท้าย (ไตรมาส 4/2568) มีแนวโน้มดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และเป็นช่วงตัดสินใจเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีการนำรถยนต์เข้ารับบริการหลังการขาย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางในช่วงวันหยุดยาว ทำให้บริษัทฯได้เดินหน้ากระตุ้นยอดขายแบบครบวงจรภายใต้ MGC Ecosystem อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด XPENG เพิ่งเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะเพิ่มอีก 1 รุ่น คือ ‘G6 Standard Range’ ที่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีและประสิทธิภาพที่ได้รับ นับว่าคุ้มค่ากับราคา 1,189,000 บาท ส่วนรถตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะยอดนิยม XPENG X9 ขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้านยอดจดทะเบียนสะสม 5 เดือนต่อเนื่อง และ MGC-ASIA ก็เตรียมจัดทัพใหญ่ร่วมงาน Motor Expo 2025 ครั้งที่ 42 วันที่ 29 พ.ย.–10 ธ.ค. 68 เพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี คาดว่าจะได้รับออเดอร์ใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เป็นการเพิ่มยอด Backlog ที่รอส่งมอบ ณ ปัจจุบัน (12 พ.ย. 2568) อยู่ที่ 634 คัน แบ่งเป็น XPENG 129 คัน, ZEEKR 91 คัน, Rolls-Royce 7 คัน, BMW 135 คัน, MINI 30 คัน, HONDA 163 คัน, Harley-Davidson 44 คัน, BMW Motorrad 34 คัน และเรือแม่น้ำ Chris-Craft จำนวน 1 ลำ


จากกลยุทธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2568 ของบริษัทฯ ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น แบ่งเป็น ธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ : มีรายได้อยู่ที่ 10,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% (YoY) เนื่องจากยอดจองซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ Rolls-Royce, BMW, MINI, Honda และโดยเฉพาะ XPENG ที่มีกระแสตอบรับดีเกินคาด นับเป็นการเติบโตที่สำคัญที่สุดของกลุ่มในปีนี้ การันตีด้วยรางวัลระดับโลก ‘Best Organization Award 2025’ จากบริษัทแม่ กับเครือข่ายผู้จำหน่าย 15 รายในปัจจุบัน พร้อมแผนการขยายอีก 6 ดีลเลอร์ รวมเป็น21 สาขา ช่วงไตรมาส 1/2569


กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ : มีรายได้ 2,849 ล้านบาท จากยอดใช้บริการที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร (One-Stop Service) ตอกย้ำถึงศักยภาพการให้บริการด้านการจัดการ งานบริการซ่อมได้ครอบคลุมตามมาตรฐานสากล ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่า และพนักงานขับ : มีรายได้ 1,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% (YoY)จากการเพิ่มจำนวนรถฟลีท โดยเฉพาะฟลีทรถยนต์ BMW, MINI และรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำ เพื่อรองรับการปล่อยเช่าทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตามความต้องการที่สูงขึ้น และสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

กลุ่มธุรกิจอื่นๆ : มีรายได้อยู่ที่ 44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.1% (YoY) โดยมาจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตใกล้เคียงตามแผนที่วางไว้ โดยในส่วนธุรกิจให้บริการด้านการเงิน ภายใต้ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) โดยมีการเติบจากรายได้ของพอร์ตสินเชื่อเพื่อความมั่งคั่ง (Wealth Lending) ส่งผลให้กำไรก่อนสำรองเพิ่มขึ้นกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ ธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) สามารถทำรายได้แตะระดับ 91 ล้านบาท เติบโต 21.1% (YoY) และมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท จากยอดขายในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างโดดเด่น

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้