สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (13 พฤศจิกายน 2568 )-----บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR ร่วมเปิดเวทีสุดยิ่งใหญ่ ในงาน "Thailand Marine & Offshore (TMOX) Expo 2025" มหกรรมแสดงสินค้าอุตสาหกรรมการเดินเรือ ต่อเรือ และธุรกิจนอกชายฝั่งทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 

นำโดย นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASIMAR  และในฐานะนายกสมาคมต่อเรือและซ่อมเรือไทย (คนกลาง) พร้อมด้วย ดร. ดวงเด็ด ย้วยความดี (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงาน ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 12–14 พฤศจิกายน 2568 โดย ASIMAR ร่วมจัดแสดงในบูธหมายเลข 332 และ 334

การจัดงานในปีนี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมต่อเรือ การเดินเรือ และธุรกิจนอกชายฝั่งทะเล สะท้อนบทบาทสำคัญของประเทศในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมทางทะเลของภูมิภาคอาเซียน โดยงาน TMOX 2025 จัดควบคู่กับงาน Oil & Gas Thailand (OGET) 2025 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ กล่าวว่า "อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของระบบพาณิชยนาวี ที่ช่วยสร้างการจ้างงานและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องหลายสาขา เช่น เครื่องจักรกล เครื่องยนต์เรือ เหล็ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสื่อสาร รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงาน ทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากกว่า 90% ของการค้าระหว่างประเทศอาศัยการขนส่งทางน้ำ ซึ่งมีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งรูปแบบอื่น"

สำหรับ สมาคมต่อเรือและซ่อมเรือไทย ได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน TMOX 2025 อย่างเต็มที่ เพื่อแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมต่อเรือไทยในทุกมิติ ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ โดยมีเป้าหมายในการยกระดับอู่เรือไทยให้พร้อมเป็นศูนย์กลางการต่อเรือและซ่อมเรือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุตสาหกรรมต่อเรือ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

ASIMAR ในฐานะผู้นำในธุรกิจซ่อมและต่อเรือ ร่วมงาน Thailand Marine & Offshore Expo 2025 จึงไม่เพียงเป็นเวทีแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางธุรกิจระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทางทะเลของไทยสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน