สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (13 พฤศจิกายน 2568 )-----ดร. ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เข้าร่วมงาน "55th Nation Group: Thailand's New Prospect" ณ สเฟียร์ฮอลล์ชั้น 5 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 โดยได้รับเกียรติเป็นองค์ปาฐกในช่วง Panel Discussion: "Halal Economy ขุมทรัพย์ใหม่ทางเศรษฐกิจ" พร้อมด้วย นายภัทรพล ลิ้มภักดี รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และ นายณรงค์เดช สุขจันทร์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รองประธานฝ่ายกิจการฮาลาล ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.ปกรณ์ ปรียากร ประธานที่ปรึกษาสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย และ นางสาวไอลดา พิศสุวรรณ พิธีกรและผู้ประกาศข่าว ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจฮาลาลแห่งภูมิภาค

 

ดร.ทวีลาภ ได้กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจฮาลาลโลกว่า ปัจจุบันมูลค่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคมุสลิมในภาคส่วนหลัก เช่น อาหาร ยา เครื่องสำอาง แฟชั่นท่ามกลางความเรียบง่าย การท่องเที่ยว และสื่อบันเทิง มีมูลค่ารวมกว่า 2.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2023) และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 ขณะที่สินทรัพย์ทางการเงินอิสลามทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องแตะ 4.93 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะขยายถึง 7.53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028 สะท้อนให้เห็นถึงพลังทางเศรษฐกิจของประชากรมุสลิมกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก

 

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงกระแสการบริโภคที่ขับเคลื่อนด้วย "คุณค่าและศรัทธา (Faith-Based Economy)" ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไอแบงก์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่โปร่งใส เป็นธรรม และยึดมั่นหลักชะรีอะฮ์ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถเข้าสู่ตลาดอิสลามโลกได้อย่างยั่งยืน โดยชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในห่วงโซ่เศรษฐกิจฮาลาลโลก โดยเฉพาะในสาขาอาหารฮาลาล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์ และบริการทางการเงินอิสลาม ซึ่งไทยมีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน มาตรฐานฮาลาล และบุคลากรคุณภาพ สามารถต่อยอดสู่การเป็น "ศูนย์กลางเศรษฐกิจฮาลาลของภูมิภาคอาเซียน" ได้อย่างแท้จริง

 

ดร.ทวีลาภ ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มของประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ Muslim-friendly ซึ่งครอบคลุมสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้บริโภคมุสลิม เช่น โรงแรม ร้านอาหาร การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และบริการทางการเงินที่สอดคล้องหลักศาสนา โดยมองว่าเป็นโอกาสใหม่ที่ไทยสามารถใช้จุดแข็งด้านการบริการและความเข้าใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม มาสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับโลกได้อย่างโดดเด่น และไอแบงก์พร้อมมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนเชื่อมไทยกับเศรษฐกิจอิสลามโลก "Trade and Investment Link to Global Islamic Economy" ผ่านการเชื่อมโยงโอกาสทางการค้า การลงทุน และการเงินฮาลาลของไทยกับประเทศมุสลิมทั่วโลก ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เวทีโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน