Pi Daily หุ้นสหรัฐฯ ฟื้นเด่นนำโดย Technology คล้ายกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้า ปัจจัยหนุนมาจากความคาดหวังหน่วยงานจะกลับมาเปิดทำการ แต่สาเหตุที่แท้จริงคือกำไรบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ เข้าขั้นดีมาก ระยะสั้นอาจดีกับ DELTA ส่วนในไทยวานนี้ผลประกอบการบริษัทชื่อดังส่วนใหญ่กำไรลดลงเทียบกับปีก่อน (AU BJC) ซึ่งอาจจำกัด Upside หุ้นไทย สอดคล้องกับมูลค่าการซื้อขายวานนี้ที่เบาบาง กลยุทธ์เน้นเลือกตัวที่น่าสนใจ Top Pick SCB AMATA TACC CPALL

 

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 381 จุด (+0.8%) ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่ม AI ขานรับกับความหวังที่ว่าหน่วยงานรัฐบาลจะกลับมาเปิดดำเนินการ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.68% แรงหนุนจากคาดการณ์อุปทานเชื้อเพลิงเผชิญภาวะตึงตัว

 

เมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นจากแรงหนุนในหุ้นกลุ่ม Technology นำมาโดย NVIDIA +5.8% Alphabet +4% MSFT+2% และ Eli lilly +4.6% พร้อมกับทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แรงหนุนหลักมาจากความคาดหวังว่าหน่วยงานในสหรัฐฯ จะกลับมาเปิดดำเนินการได้ประกอบกับวานนี้ TSMC รายงานยอดขายประจำเดือน ต.ค. พบว่าขยายตัว 17%YoY อาจลดลงบ้างจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 31%YoY อย่างไรก็ตามหากพิจารณาตั้งแต่ต้นปีถึงล่าสุด (YTD) พบว่าขยายตัวได้ 34%YoY ขณะเดียวกันทาง NVIDIA ก็ได้ระบุว่าความต้องการ Semiconductor ยังค่อนข้างสูงและเชื่อว่า BlackWell จะมีการตอบรับเชิงบวกที่ค่อนข้างดี แต่ทั้งนี้สาเหตุหลักที่หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเชื่อว่ามาจากผลประกอบการมากกว่า บริษัทในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่แล้วประกาศกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และหุ้น Technology ที่รายงานกำไรก่อนหน้านี้ก็เห็นการเติบโตที่ดี (บวกกับ DELTA ในเชิงจิตวิทยา) ส่วนการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อื่นๆค่อนข้างทรงตัว แต่ VIX ปรับลงอย่างมีนัยยะ สะท้อนความมั่นใจที่มากขึ้นของนักลงทุน แต่เมื่อย้อนกลับมาดูที่ตลาดหุ้นไทยจะพบว่าค่อนข้างทรงตัว (+0.26% วานนี้) ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำมากเพียง 2.9 หมื่นล้านบาท สะท้อนถึงภาวะขาดความมั่นใจจากนักลงทุน อาจเป็นเพราะผลประกอบการที่รายงานมาในช่วงนี้ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก อย่างวานนี้ AU ประกาศกำไร -37%YoY BJC กำไร -9%YoY จากนี้รอติดตามที่จะทยอยรายงานออกมา อย่างวันนี้คาดว่า AMATA NER มีแผนจะประกาศผลประกอบการ วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1295 – 1315 อาจได้จิตวิทยาเชิงบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯรวมไปถึงกลุ่ม Tech ในไทยอย่าง DELTA แต่อย่างไรก็ตามยังคาดหวัง Upside ไม่ได้ไกลมากเพราะถูกจำกัดด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจเน้นเลือกเป็นรายตัวในหุ้นที่ีมีความน่าสนใจเฉพาะ อาทิ ค้าปลีก (CPALL CPAXT) ธนาคารพาณิชย์ (SCB) ท่องเที่ยว (AWC MINT) ศูนย์การค้า (CPN) เครื่องดื่ม (TACC) การเงิน (MTC SAWAD)

 

TACC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท)

ผลประกอบการ 3Q25 โดดเด่นมากโดยบริษัทรายงานรายได้ 619 ล้านบาท (+28.6%YoY) พร้อมกับกำไรสุทธิที่ 90 ล้านบาท (+49%YoY) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุจากการขยายตัวของ 7-11 รวมถึงกระแสนิยมชาไทยและชาเขียว ในขณะเดียวกันเป็นหุ้นที่ปันผลค่อนข้างสูงในระดับ 7-8%

 

AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท)

แนวโน้มผลประกอบการงวด 3Q25 ที่คาดเห็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 28%YoY,603%QoQ มาอยู่ที่ระดับ 983 ล้านบาท ได้รับผลดีจากการเริ่มโอนนิคมอมตะชลบุรี 2 (บ้านบึง) ที่ทำให้มียอดโอนรวมในไตรมาสนี้กว่า 676 ไร่ เทียบกับ 452 ไร่ใน 3Q24 และ 2Q25