สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 11 พฤศจิกายน 2568 )------- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 คาดตลาดไซด์เวย์/รอเบรก นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อแม้ลดระดับลง การทดสอบใกล้ 1300 วันก่อนมีช่วงรีบาวด์ ขณะที่ผลประกอบการ 3Q68 ส่วนใหญ่ทยอยออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย การปิดหน่วยงานราชการสหรัฐฯ เข้าสู่วันที่ 41 เริ่มมีโอกาสสิ้นสุดลงหลังมีเสียงเดโมแครทหนุน เทคนิคดัชนีลงมาทดสอบ 1300-1298 ไม่หลุด หากไม่หลุดยังพักสั้น ส่วนการลงหลุดต่ำกว่าคาดลงทดสอบจุดต่ำสุดเดิม 1285 การขึ้นมีแนวต้าน 1315/1320 ยืนได้จะกลับมาแกว่งขึ้น
ประเด็นสำคัญ
• ที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจจะเสนอ ครม. ชุดใหญ่เพื่ออนุมัติโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพิ่มเติมสำหรับร้านค้าที่ผ่านการอบรมเพิ่มทักษะการขายออนไลน์ในอัตรา 20% ของยอดขาย แต่ไม่เกิน 2,000 บาท โดยจะจำกัดสิทธิ์สำหรับ 4 แสนรายแรกเท่านั้น จากร้านค้าทั้งหมดที่เข้าร่วม 9 แสนราย รัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 25 ธ.ค. 2568
• กระทรวงการคลังเดินหน้าทบทวนการจัดทำแผนการคลังระยะปานกลาง เช่น การควบคุมการขาดดุลงบฯ ที่ 3% ต่อ GDP จากปัจจุบันที่ระดับ 4% และจัดทำแผนปฏิรูปรายได้ควบคู่กัน ตั้งเป้าที่ 17-18% ต่อ GDP จากปัจจุบันที่ระดับ 14% เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจาก นลท. และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คาดประกาศได้ภายใน พ.ย. 2568
• BOI มีมติอนุมัติ 4 โครงการ Data Center ขนาดใหญ่ เม็ดเงินลงทุนรวม 1 แสนลบ. และเห็นชอบการปรับปรุงเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุน เช่น จะต้องมีการจ้างงานคนไทยไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 3 ปี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี แลกกับสิทธิ์ยกเว้นภาษี
• กกพ. เปิดให้รับฟังความคิดเห็นสำหรับค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 2569 ทั้งหมด 2 กรณี คือ 4.58 และ 3.94 บาท/หน่วย โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 10-23 พ.ย. 2568 มองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า มีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 3.94 บาท/หน่วย เทียบเท่ากับค่าไฟฟ้าในงวดปัจจุบัน
• วุฒิสภาสหรัฐฯ เริ่มลงมติข้อตกลงยุติการปิดหน่วยงานราชการ ขณะที่ประธานสภาผู้แทนฯ ไมค์ จอห์นสัน เรียกสมาชิกกลับวอชิงตันเพื่อเตรียมลงมติ หากร่างผ่านวุฒิสภา จะส่งให้ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายเพื่อยุติการปิดหน่วยงานทันที
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1285-1345 จุด หลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายประกาศงบ 3Q68 ของ บจ. กลุ่ม Real Sector ที่คาดว่าจะเห็นสัญญาณฟื้นตัว รวมทั้งการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล แนะนำติดตามการปรับตัวลงของดัชนีมาที่กรอบล่าง 1285 หากหลุดต่ำกว่าจะมีความเสี่ยงของการลงรอบใหม่ในทางเทคนิค ขณะที่ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1) การปิดหน่วยงานของราชการสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อทำระยะเวลาที่ยาวนานสุดครั้งใหม่ 2) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญทั้งภาคแรงงานและเงินเฟ้อ หากหน่วยงานราชการกลับมาเปิดได้ ซึ่งจะมีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด 3) PMI ภาคการผลิตและยอดค้าปลีก ต.ค. ของจีนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าที่จะมีผลต่อจิตวิทยาและบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ – แนวต้าน : 1298/1285 – 1315/1320
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบเนื่องจากเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบ 3Q68 “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 4Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ BCPG BEM BGRIM BJC MTC PTT
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 3Q68 เติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY แนะนำ BGRIM GFPT MTC CPALL BEM และ 2) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย
Daily Top Picks
BAM: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ของรัฐบาล บริษัทตั้งเป้าเพิ่ม JV AMC เพิ่ม 2 แห่ง คาดกำไรสุทธิจะกลับมาเร่งตัวเพิ่มขึ้น QoQ ใน 4Q68 และคาดว่าจะเพิ่ม DPS จาก 0.35 บาท ในปี 2567 เป็น 0.50 บาท (อัตราการจ่ายเงินปันผล 72%) ในปี 2568 เป้าหมายระยะสั้นที่ 7.20 บาท
CENTEL: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาล ผลประกอบการมีโอกาสผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q68 และกำไร 3Q68 คาดมีโอกาสฟื้นตัว +15%QoQ และฟื้นตัวต่อเนื่องถึง 1Q69 จากโรงแรมมัลดีฟส์ที่เข้าสู่ High Season Valuation ยังไม่แพง PER ที่ -1SD เป้าหมายระยะสั้นที่ 34.75 บาท