สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(8 พฤศจิกายน 2568)------------สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน ก่อนจะย่อตัวลงช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค
SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุดในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีจากความกังวลเรื่องผลประกอบการ นอกจากนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยยังสอดคล้องกับภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ประกอบกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ที่ยังคงยืดเยื้อและทำสถิติยาวนานสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นกลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้งในเวลาต่อมา นำโดย หุ้นกลุ่มสื่อสารจากผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ดัชนีหุ้นไทยกลับมาย่อตัวลงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังตลาดกลับมากังวลประเด็นภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อีกครั้ง ประกอบกับไร้ปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้น ทำให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว นำโดย กลุ่มแบงก์และกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
• ในวันศุกร์ที่ 7 พ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,302.91 จุด ลดลง 0.50% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 36,224.60 ล้านบาท ลดลง 13.28% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.68% มาปิดที่ระดับ 225.15 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (10-14 พ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,285 และ 1,260 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,330 จุด ตามลำดับ
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบจ.ไทย สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ของอังกฤษและยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร