สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6 พฤศจิกายน 2568)--------บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มี EBITDA จำนวน 4,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิจำนวน 2,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% ส่วนผลการดำเนินงานรวม 9 เดือนของปี 2568 OR มีรายได้จากการขายและให้บริการ 503,188 ล้านบาท ลดลง 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม OR มีกำไรสุทธิ 9,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,575 ล้านบาท คิดเป็น 98.4% โดยมี EBITDA รวม 15,914 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.5% สะท้อนการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เผยผลการดำเนินการในไตรมาส 3/2568 มีรายได้ขายและบริการ 153,600 ล้านบาท ลดลง 13,566 ล้านบาท หรือลดลง 8.1% จากไตรมาสก่อน มี EBITDA จำนวน 4,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 326 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจ Mobility ที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากดีเซลและเบนซิน และมีกำไรสุทธิจำนวน 2,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 382 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.1%
ส่วนการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2568 OR มีกำไรสุทธิ 9,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,575 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 98.4% รายได้จากการขายและให้บริการ 503,188 ล้านบาท ลดลง 34,866 ล้านบาท หรือลดลง 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลง ประกอบกับปริมาณจำหน่ายที่ลดลงเช่นเดียวกัน ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global ลดลง 9.2% จากราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับลดลง แต่ภาพรวมปริมาณจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 5.2% จากทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ ตามการขยายสาขา และมี EBITDA จำนวน 15,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,135 ล้านบาท คิดเป็น 24.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจ Mobility จากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักจากเบนซินและดีเซล กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ Café Amazon ในช่วงไตรมาส 3/2568 มีปริมาณจำหน่ายรวม 109 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้น 2 ล้านแก้วจากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 11 ล้านแก้ว หรือ 11.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยยังคงมีการเติบโตในประเทศ สปป. ที่มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรสูงขึ้น จึงทำให้ผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศยังคงอยู่ในทิศทางบวก ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 OR มีกำไรสุทธิจำนวน 9,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,575 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 98.4% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.77 บาท
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ OR ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 มีปัจจัยที่อาจส่งผลการดำเนินการของ OR จากภาคการท่องเที่ยวที่แนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดย OR ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจ Mobility ทั้งในด้านการขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น โดยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอากาศยาน ขณะเดียวกัน OR ยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้านกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ปัจจุบันมีเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม 4,729 สาขา ไม่ว่าจะเป็น Café Amazon, Pearly Tea และ Pacamara Coffee Roasters โดยเฉพาะ Café Amazon ที่มีเครือข่ายทั้งสิ้น 4,613 สาขา ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับร้านค้าปลีกอื่น ๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ 7-Eleven และ จิฟฟี่ ในประเทศไทย 2,347 สาขา รวมทั้งร้านค้าปลีกด้านสินค้าสุขภาพและความงามภายใต้แบรนด์ found & found ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 50 สาขาในปี 2569 ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศธุรกิจของ OR ในการสร้างประสบการณ์ครบวงจรสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ ในกลุ่มธุรกิจ Global แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา แต่ยังคงมีการเติบโตในประเทศ สปป. ลาว ในขณะเดียวกันนโยบายการค้าและการลงทุนทั่วโลกที่มีความไม่แน่นอนจากผลของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจกระทบต่อภาวะตลาดและการตัดสินใจลงทุน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ท้าทายและอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ OR
นอกจากนี้ OR ยังคงมุ่งผลักดันกลยุทธ์ดิจิทัลของ OR ให้เป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม โดยล่าสุดได้ยกระดับแอปพลิเคชัน blueplus+ โฉมใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ OR’s Ecosystem ด้วยรูปแบบที่ทันสมัย ใช้งานง่าย และจดจำได้ทันที โดยออกแบบโดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ทั้งในแง่การใช้งานและคุณค่าที่ได้รับ เช่น ระบบ Café Amazon Rewards ที่สะสมแต้มตามระดับสมาชิกเมื่อซื้อสินค้าหรือเครื่องดื่มที่ ร้าน Cafe Amazon เพื่อแลกรับของรางวัลสุดพิเศษ ฟังก์ชันจาก PTT Station ที่ให้ผู้ใช้ตรวจสอบราคาน้ำมัน ค้นหาสถานีบริการ และซื้อคูปองส่วนลดได้ทันที รวมไปถึง blueplus+ wallet ที่รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้า พร้อมต่อยอดสู่การให้บริการเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุด OR ได้รับรางวัล Climate Action Excellence ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคตยั่งยืน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ OR ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล โดย OR ยังคงเดินหน้าพัฒนาและยกระดับศักยภาพขององค์กรในทุกมิติ ทั้งด้านพลังงาน ค้าปลีก และดิจิทัล เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน พร้อมมุ่งมั่นเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน