วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นหลักตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยช่วงเปิดตลาด ดัชนีปรับตัวลงต่่าสุดราว -15 จุด จากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเตือนว่าตลาดหุ้นอาจปรับฐาน แรงขายหลักอยู่ในหุ้น DELTA ตามด้วยหุ้นกลุ่มค้าปลีก และธนาคาร เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม ขณะที่มีแรงซื้อมากในหุ้น ADVANC จากผลประกอบการไตรมาส 3/68 ดีกว่าตลาดคาด ท่าให้ดัชนีลดช่วงลบ ส่งผลให้ดัชนีSET Index ปิดตลาดที่ 1,295.29 จุด -3.31 จุด -0.25% มูลค่าการซื้อขาย 43,468.21 ลบ. ProgramTrading -74.69 ลบ. ต่างชาติ+2,496.02 ลบ. TFEX +4,695 สัญญา ตราสารหนี้+5,333.19 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 225.76 จุด หรือ +0.48% โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐฯ รวมทั้งการที่นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่สูงเกินไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐฯ แสดงความสงสัยต่อความชอบด้วยกฎหมายของภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ท่าให้ตลาดมีความหวังว่าศาลฎีกาอาจมีค่าสั่งให้เพิกถอนมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของทรัมป์
+ ADP เปิดเผยว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 42,000 ต่าแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 22,000 ต่าแหน่ง หลังจากลดลง 29,000 ต่าแหน่งในเดือนก.ย.
+ จีนประกาศระงับการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติม 24% ส่าหรับสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นเวลา 1 ปีแต่จะยังคงเก็บภาษีในอัตรา 10% ต่อไป โดยเป็นมาตรการที่เกิดขึ้นหลังการพบปะระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้น่าสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ อธิบดีกรมศุลกากรเปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569 เป็นต้นไปจะเริ่มเก็บภาษีน่าเข้าจากสินค้ามูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไปที่สั่งจากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีร้านค้าอยู่ต่างประเทศ เช่น ShopeeLazada เสียภาษีน่าเข้าบวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% จากก่อนหน้านี้ยกเว้นภาษีน่าเข้าให้กับสินค้าที่มีราคาไม่เกิน 1,500 บาท โดยเก็บเฉพาะภาษี VAT เพียงอย่างเดียว ซึ่งคาดว่าจะช่วยท่าให้มีเงินเข้ารัฐเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3,000 ล้านบาท
+ กกร.ชี้แนวโน้มการส่งออกเติบโตปรับตัวเลขขยายตัวถึง 9.5-10.5% จากปัญหาโลคัลคอนเทนต์ไทยยังต่่า เร่งรัฐบาลสนับสนุน SME และ Made In Thailand ดันภาพรวมเศรษฐกิจปี 68 ให้โตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่โต 2.5%
+ กกร.ลุ้น Quick Big Win หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2568 โตใกล้เคียงกับปีก่อน 2.5% ปรับประมาณส่งออกโตดีกว่าที่คาด 9.5-10.5% ชี้เหตุส่งออกทองค่าสูง แต่ไม่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจ

ปัจจัยลบ
- สัญญาน้่ามันดิบ WTI ลดลง 96 เซนต์ หรือ -1.59% ปิดที่ 59.60 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้่ามันล้นตลาด รวมทั้งรายงานที่ว่าสต็อกน้่ามันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
- การชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ล่วงเข้าสู่วันที่ 36 แล้ว โดยท่าลายสถิติเดิมที่ 35 วันในช่วงปี 2561-2562 และขึ้นแท่นการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
- กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่่าบาตรบุคคล 8 ราย และองค์กร 2 แห่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับปฏิบัติการทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือหลายรูปแบบ โดยการขึ้นบัญชีคว่่าบาตรของสหรัฐฯ ล่าสุดนี้มีเป้าหมายเพื่อตัดท่อน้่าเลี้ยงโครงการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ
- สมาคมธนาคารเพื่อการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จ่านวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยลดลง 1.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จ่านองปรับตัวขึ้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับ Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากจีนประกาศระงับการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติม 24% ส่าหรับสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นเวลา 1 ปี แต่จะยังคงเก็บภาษีในอัตรา 10% ต่อไป ขณะที่ราคาน้่ามันดิบ WTI ที่อ่อนตัวลงยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนี 1,290-1,305 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
• เงินบาทกลับมาอ่อนค่า : CPF TU ITC BTG TFG
• Direct PPA : GULF BGRIM GPSC EGCO RATCH
• ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว “เที่ยวดีมีคืน” : MINT ERW CENTEL AWC BA AAV
• สินค้าส่งออกเดือน ก.ย. เติบโต : KCE HANA DELTA CCET TFG GFPT