Market Wrap-Up

• SET วันที่ 5 พ.ย.68 ปิด -3.31 จุด อยู่ที่ 1,295.29 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,468 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 414 ลบ. สถาบันขาย 1,036 ลบ. รายย่อยขาย 1,046 ลบ. และต่างชาติซื้อ 2,496 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 4,579 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น MYDIYT,ADVANC,KBANK,TRUE,KTB และยอดขายหุ้น PTTEP,KTC,BBL,BH,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,530 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CPF,MBK,MINT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 6,203 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 74,246 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 5,333 ลบ.

 Market View

• DJIA +0.48%, S&P500 +0.37%, Nasdaq +0.65% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +63%, สินค้าฟุ่มเฟือย +1.12% หลังศาลฎีกาสหรัฐได้ไต่สวนกรณี ปธน.ทรัมป์ใช้ กม.IEEPA เรียกเก็บภาษีศุลกากรเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของ กม.หรือไม่ ซึ่งผู้พิพากษาหลายท่านมีความสงสัยต่อการใช้อำนาจดังกล่าว ซึ่งคาดศาลอาจจะต้องใช้เวลาพิจารณาคดีอย่างช้าสุดภายใน มิ.ย. 69 และหากผิดจริง สหรัฐจะต้องคืนเงินภาษีกับประเทศคู่ค้าต่างๆ ราว 1 แสน ล.ดอลลาร์ โดยวานนี้ดัชนีหุ้นสหรัฐเริ่มฟื้นตัวจากความกังวลต่อมูลค่าหุ้นกลุ่มเทค ฯ ที่อาจสูงเกินไป ขณะที่ LSEG เผย บจ. 379 แห่งใน S&P500 ที่ส่งงบแล้ว 83% รายงานกำไรดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ต.ค.เพิ่มขึ้น 42,000 สูงกว่าคาดที่ 22,000 ตำแหน่ง
• Stoxx600 ยุโรป +23% ได้แรงหนุนจากกลุ่มรถยนต์ +2.3% นำโดย BMW +6.8% หลังกำไรหลัก Q3/68 ปรับดีขึ้น ส่วนกลุ่มพลังงาน +0.9% นำโดย Vestas +14.7% หลังรายงานกำไร Q3/68 ดีกว่าคาด และประกาศแผนซื้อหุ้นคืน ขณะที่กลุ่มที่ปรับลดลง คือ บริการสุขภาพ -1% หลัง Novo Nordisk ได้ปรับลดประมาณการณ์รายได้ปีนี้ลง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน ต.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 52.5 & คาด 52.2 และ PPI ยูโรโซน ก.ย. -0.2% & ส.ค. -0.6% YoY
• ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ -50% ถูกแรงขายจากกลุ่มผลิตชิป & AI นำโดย SoftBank -10.0% และ Advantest -5.9% ปรับลดลงตามกลุ่มเทค ฯ สหรัฐจากความกังวลต่อมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป และกังวลต่อภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐ เช่นเดียวกับ Kospi เกาหลีใต้ปิด -2.85% จากแรงขาย Samsung Electronics -4.1%, SK Hynix -1.2% และกลุ่มรถยนต์ Hyundai Motor 2.7% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.23% หลังนายก ฯ จีน เผยในการประชุม China International Import Expo คาดการณ์มูลค่าทางเศรษฐกิจของจีนภายในเวลา 5 ปีข้างหน้ามีโอกาสเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 23.9 ลล.ดอลลาร์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันศุกร์นี้ติดตามข้อมูลส่งออก - นำเข้าจีน ต.ค.
• SET วานนี้ -25% ปริมาณการซื้อขาย 4.3 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1,036 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 414 ลบ. รายย่อยขาย 1,046 ลบ. และต่างชาติซื้อ 2,496 ลบ. โดยดัชนีวานนี้ปรับลดลงตำสุดที่ระดับ 1,283.13 จุด จากความกังวลต่อมูลค่าหุ้นกลุ่มเทค ฯ ทั่วโลกอาจอยู่ในระดับที่สูงเกินไป ส่งผลให้กลุ่มอิเล็ก ฯ -1.4% ขณะที่กลุ่ม Global Play อื่น ๆ เช่น ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง ก็ปรับลดลงหลังรายงานกำไรในงวด Q3/68 ยังชะลอตัว กอปรกับ PMI ภาคการผลิตของจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ ต.ค.ยังมีสัญญาณชะลอตัว ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อแนวโน้มกำไรในงวด Q4/68 แม้ว่าปัจจุบันระดับราคาหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะอยู่ในโซนถูก ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ไอซีที หลัง ADVANC รายงานกำไร Q3/68 ขยายตัวดีกว่าคาด และ TRUE รายงานกำไร Q3/68 ที่ 1.57 พัน ลบ.รวมถึงประกาศจ่ายเงินปันผล 0.19 บาท จะชึ้น XD วันที่ 17 พ.ย. นี้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ก.พาณิชย์รายงานเงินเฟ้อไทย ต.ค. -0.76% YoY ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สาเหตุมาจาก ม.ลดครองชีพของรัฐบาล และราคาพลังงาน & อาหารปรับลดลง ขณะที่ กกร. คาด GDP ไทยปีนี้ที่ 1.8 - 2.2% แต่อาจมี Upside ถึงระดับ 2.5% จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ เช่น คนละครึ่งพลัส, ม.Big Quick Win ในด้านต่าง ๆ โดยภาพรวมวันนี้คาดดัชนี SET มีโอกาสฟื้นตัว หลังดัชนีความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับลดลง

     Daily Strategy

• ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,290 แนวต้าน 1,310 - 1,315 คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว หลัง S&P500 VIX Index เริ่มปรับลดลง กอปรกับรอการรายงานกำไร Q3/68 ของ บจ.ต่าง ๆ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดจะรายงานกำไร Q3/68 เติบโตดี เช่น CPN, WHAUP, TOA, OR / เก็งกำไรกลุ่มที่รายงานกำไร Q3/68 ดีกว่าคาด เช่น GPSC,THANI,TNP,ADVANC
• BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.85 บาท)แนวโน้มกำไร 3Q68 ดีขึ้น QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากเงินปันผลรับ TTW ขณะที่ธุรกิจหลักทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าจำนวน traffic ดีขึ้น QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วงเปิดเทอม แต่จำนวน traffic ลดลง YoY ตามภาวะเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจากค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาที่ลดลง ส่วนแนวโน้ม 4Q68 กำไรลดลง QoQ แต่ YoY รับประโยชน์จากคนละครึ่งพลัส ส่วนการเจรจาก่อสร้างโครงการ double deck แลกกับการขยายระยะเวลาสัมปทาน คาดมีความชัดเจนในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่86 พันล้านบาท +2%YoY และ 4.02 พันล้านบาท +4%YoY
• ERW* (ทะยอยซื้อ /ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 3.31 บาท)Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 73 ลบ.(-41%YoY, +16%QoQ) YoY ยังกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายซ่อมแซมโรงแรมจากแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม QoQ คาดเห็นการฟื้นตัวดีหนุนด้วยมาตรการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ส่วนการดำเนินงานปกติช่วง 4Q68 แม้มีแนวโน้มที่จะยังลดลง YoY แต่ QoQ มีโอกาสฟื้นตัวต่อได้จากแรงหนุนตามฤดูกาลและม. “เที่ยวดีมีคืน 2568” ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ ERW* จะอยู่ที่ 814 ลบ.(-36%YoY) และ 904 ลบ.(+11%YoY) ตามลำดับ

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ธ.ค.-$0.96 อยู่ที่ $59.60 / บาร์เรล, Brent ม.ค. -$0.92 อยู่ที่ $63.52/บาร์เรล หลัง EIA เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 5.2 ล.บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 2.5 ล.บาร์เรล ขณะที่นายก ฯ แคนาดาเผยอาจยกเลิกการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากน้ำมัน & ก๊าซ บ่งชี้แคนาดาอาจจะส่งออกน้ำมันมากขึ้น

 

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$32.40 อยู่ที่ $3,992.90 /ออนซ์. นักลงทุนยังเลือกถือทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังนักลงทุนกังวลต่อมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี AI ที่อาจสูงเกินไป

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +149.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +76.63 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +78.41 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -5.76 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.148 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +45 อยู่ที่ 2,003

(+) BitCoin เช้านี้ +2.20% อยู่ที่ 102,971 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 Economic Calendar

 

ในประเทศ

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

 

ต่างประเทศ

03 ก.ย.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)

04 ก.ย.     US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.ย.)

05 ก.ย.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)( ต.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

)

 

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

 

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

 

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

 

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

 

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

 

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

 

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

 

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, PRM*, BCPG*, KLINIQ, TFM*, ADVANC

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th