Thai Consumer Finance
ชะลอการเติบโตเพื่อรักษาคุณภาพสินทรัพย์
ลดคำแนะนำ TIDLOR เป็น “ถือ” เลือก MTC, SAK เป็นหุ้นเด่น
เราเปลี่ยนหุ้นเด่นของกลุ่มเป็น MTC และ SAK แทน SAWAD หลังจากราคาหุ้น SAWAD ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 36% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ (วงเงินกู้ขนาดเล็ก) จะดีกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถบรรทุก (วงเงินกู้ขนาดใหญ่) เราชอบ MTC เพราะมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งและการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่เหมาะสม และชอบ SAK จากความสามารถในการทำกำไรสูงและอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี เราปรับประมาณการมูลค่า (valuation) ของผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียนทั้งหมดไปเป็นปี 69 และปรับลดคำแนะนำ TIDLOR ลงเป็น “ถือ” เนื่องจากราคาหุ้นมีอัพไซด์จำกัด หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแซงดัชนี SET และกลุ่มการเงินไปแล้ว 32% และ 49% ตามลำดับ (YTD ปี 68)
ปรับประมาณการกำไรของ TIDLOR, SAWAD และ SAK
เรายังคงประมาณการกำไรของ MTC ไว้เท่าเดิม แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ TIDLOR และ SAWAD ขึ้น 2–4% ในช่วงปี 68-70 จากสมมติฐาน ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) ที่ต่ำลงของ TIDLOR และผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินยึดคืน (repossessed assets) ที่ลดลงของ SAWAD ในขณะเดียวกัน เราปรับลดประมาณการกำไรของ SAK ลง 1–3% จากสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอและ credit cost ที่สูงขึ้น เราคาดว่า TIDLOR จะมีกำไรเติบโตสูงสุด 18% YoY ตามด้วย MTC 11% ในปี 68 ส่วนกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนทั้งหมดคาดว่ากำไรจะเติบโต 8–9% ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 69 ซึ่งชะลอลงหลังผู้ประกอบการปรับลดอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) เพื่อรักษาคุณภาพสินทรัพย์
คาดกำไร 3Q68 ของทั้งกลุ่มเติบโต YoY นำโดย TIDLOR
เราคาดว่ากำไรรวมของกลุ่มใน 3Q68 จะเติบโต 13% YoY และ 2% QoQ อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท จาก credit cost ที่ลดลง โดย TIDLOR และ MTC จะมีการเติบโตของกำไรสูงสุด 32% และ 13% ตามลำดับ จากcredit cost ที่ลดลงของ TIDLOR และการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่ดีของ MTC ในทางกลับกัน กำไรของ SAWAD และ SAK คาดว่าจะทรงตัว YoY โดย SAWAD ได้รับผลกระทบจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่อ่อนแอ ขณะที่ SAK มี credit cost สูงขึ้น
Credit cost มีแนวโน้มลดลงตามการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอและอัตรา LTV ที่ลดลง
ผู้ประกอบการเกือบทั้งหมดคาดว่าจะมี credit cost ลดลง YoY ยกเว้น SAK ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมี อัตราส่วน NPL สูงขึ้น และมีการตัดจำหน่ายหนี้เสีย (write-off) เร็วขึ้น อัตราส่วน NPL ของทั้งกลุ่มคาดว่าจะทรงตัว QoQ ใน 3Q68 เมื่อมองไปข้างหน้าในปี 69 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต “ไม่เกิน 10%” (เทียบกับ 15–20% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา) ขณะที่ต้นทุนทางการเงิน (cost of funds) มีแนวโน้มลดลง YoY จากการที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะถูกปรับลดลงใน 4Q68 และ 1Q69