Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

กลุ่มค้าปลีก การฟื้นตัวหยุดชะงัก ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เดือนต.ค.ติดลบ

84

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(5 พฤศจิกายน 2568)----ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า  การบริโภคภายในประเทศของไทยยังคงอ่อนตัวในเดือนต.ค.68 และยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวจากไตรมาส 3/68โดยประมาณการว่าผู้ค้าปลีกทั้ง 8 บริษัทที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯศึกษาจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบในเดือนต.ค.68 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เปราะบางและอุปสงค์ที่อ่อนตัวของสินค้าฟุ่มเฟือย

 

ผู้ค้าปลีกทั้ง 8 บริษัท ที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯทำการศึกษา ประกอบด้วย BJC, CPALL, CPAXT, DOHOME, GLOBAL,  HMPRO, MOSHI และ CRC

 

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่า การใช้จ่ายที่ขาดปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ๆ และสภาพคล่องที่ตึงตัวของครัวเรือนไทยยังคงกดดันการบริโภค เนื่องจากผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายช่วงที่หนี้ครัวเรือนสูง และรายได้เติบโตชะลอตัว ประเมินว่าผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคน่าจะมียอดขายลดลงเล็กน้อย ส่วนกลุ่ม Home improvement น่าจะมียอดขายที่ทรุดหนักลงไปอีก

 

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่าในเดือนต.ค.68 ร้าน 7-Eleven น่าจะมีSSSG อยู่ที่ -1% เพราะนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่าย น้อยลง ขณะที่ BigC และ Lotus’s น่าจะมี SSSG อยู่ที่ -3% ถึง -4% ซึ่งเป็นผลมาจากฐานที่สูงในช่วงต้นเดือน ต.ค.67 เนื่องจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในช่วงสั้นๆ ส่วน Makro น่าจะมี SSSG อยู่ที่ ประมาณ -0.3% เพราะแรงกดดันจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวจากภาคบริการและลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปขายต่อ (reseller) สำหรับโครงการคนละครึ่งพลัส ที่เริ่มต้นวันที่ 29 ต.ค. 68 ยังไม่ช่วยเพิ่มยอดขายอย่างชัดเจน ทั้งนี้มองว่า การจับจ่ายซื้อสินค้าส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และยังคงขาดแรงหนุนจากยอดซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยที่มี margin สูงกว่า

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า กลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้า Home improvement ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าจะแย่สุด ไม่เพียงแต่ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายแล้ว ดูเหมือนว่า SSSG ในเดือนต.ค. 68 อาจทรุดหนักลงไปกว่าไตรมาส 3/68 โดยประมาณการว่า SSSG ในเดือนต.ค.68 ของร้าน HomePro และ MegaHome จะอยู่ที่ -8% และ -7% หรือแย่ลงเมื่อเทียบกับ -5.5% และ +1% ในไตรมาส 3/68 ตามลำดับ ส่วน GLOBAL น่าจะมี SSSG อยู่ที่ -5% หรืออ่อนตัวลงจาก -0.9% ในไตรมาส 3/68 เนื่องจากการปรับขึ้นราคาสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ไม่พอชดเชยผลกระทบจากจำนวนลูกค้าที่ลดลงและอุปสงค์ที่เปราะบาง

 

ทั้งนี้เชื่อว่า DOHOME น่าจะเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ SSSG ในเดือนต.ค.68 ที่ -5% จะดีกว่า -11% ในไตรมาส 3/68 เนื่องจากปัญหาเหล็กขาดแคลนคลี่คลายตั้งแต่ปลายเดือนก.ย.68 อย่างไรก็ตาม SSSG ของ DOHOME ที่ดีขึ้นนี้ไม่ได้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของปัจจัยพื้นฐาน มองว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง, ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและ sentiment ที่อ่อนตัวในธุรกิจอสังหาฯจะยังจำกัดความต้องการที่อยู่อาศัย

 

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI คาดว่า ในเดือนต.ค.68 MOSHI จะมี SSSG ติดลบที่ -9% จาก +5.4% ในไตรมาส 3/68 โดยสาเหตุหลักมาจากฐานที่สูงจากการจำหน่ายสินค้าที่ร่วมทำแคมเปญกับศิลปิน K-pop วง NCT Dream (SSSG +30% ในเดือนต.ค.67) มากกว่าจะเกิดจากอุปสงค์ที่อ่อนตัว อีกทั้งพบว่า SSSG ติดลบน้อยลงจาก -12% ช่วงครึ่ง เดือนแรกเหลือ -6% ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนต.ค. ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจากฐานที่สูงเริ่มลดน้อยลง และหากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง คาดว่า MOSHI จะกลับมี SSSG เป็นบวกได้เร็วกว่าที่คาดไว้ในเดือนธ.ค.68

 

ขณะที่ CRC น่าจะมี SSSG อยู่ที่ -2% ในเดือนต.ค.68 หรือดีกว่าไตรมาส 3/68 เล็กน้อย โดยเชื่อว่า SSSG ที่ดีขึ้นของกลุ่มแฟชั่นและกลุ่มซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนหนึ่งโดนหักลบด้วย SSSG ของกลุ่มสินค้าฮาร์ดไลน์ (ส่วนใหญ่มาจากไทวัสดุ) ที่ติดลบสูงขึ้นจากประมาณ -3% ในไตรมาส 3/68 เป็นประมาณ -7% ในเดือนต.ค.68

 

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า ตัวเลข SSSG ล่าสุดช่วยยืนยันมุมมองที่ระมัดระวังของฝ่ายวิเคราะห์ฯที่มีต่อกลุ่มค้าปลีก ซึ่งยังฟื้นตัวไม่มากและไม่เท่าเทียม โดยผู้บริโภคยังเน้นซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนมาตรการของภาครัฐอย่างโครงการคนละครึ่งอาจช่วยบรรเทาปัญหาในระยะสั้น แต่เชื่อว่าปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง, ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นช้า และการที่ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุยังคงจำกัดการฟื้นตัว จึงแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นปลอดภัยอย่างผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและร้านสะดวกซื้อ ส่วนกลุ่ม Home improvement น่าจะมีผลประกอบการอ่อนตัวที่สุดในกลุ่มค้าปลีกไปจนถึงไตรมาส 4/68 อย่างไรก็ตาม มองว่ากลุ่มค้าปลีกโดยรวมยังมีความเสี่ยง-ผลตอบแทนที่สมดุล เนื่องจากผู้ค้าปลีกสินค้าประเภทอาหารยังทำกำไรสม่ำเสมอ แม้ว่าผู้ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยและ Home improvement จะยังเผชิญกับปัจจัยลบจากเศรษฐกิจมหภาค

 

จึงแนะนำให้ คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มค้าปลีกของไทย โดยเลือก CPALL และ MOSHI เป็นหุ้น Top pick ทั้งนี้มองว่ากลุ่มค้าปลีกจะมี upside risk หากการบริโภคฟื้นตัวเร็วกว่าคาดและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวดีกว่าคาด ส่วน downside risk จะมาจากการบริโภคที่ยังคงซบเซาและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้