Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

Quantum Risk: ภัยคุกคามใหม่ในโลกดิจิทัล ที่ไม่ควรมองข้าม โดย ฝ่ายกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

89

 สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(5พฤศจิกายน 2568)--------“Quantum Risk” ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะอาจทำให้ระบบการเข้ารหัส (Cryptography)[1] ที่ใช้ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลถูกทำลายในอนาคต ซึ่งภัยคุกคามนี้เกิดขึ้นได้กับทุกข้อมูลที่พึ่งพาการเข้ารหัส ตั้งแต่รหัสผ่านแอปพลิเคชันการลงทุนไปจนถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการลงทุน โดยผลกระทบฝั่งผู้ใช้บริการ มีทั้งข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่งคั่งของพวกเขาจะถูกเปิดเผยหรือถูกขโมยไป ส่วนฝั่งผู้ให้บริการ ย่อมถูกกระทบในเรื่องชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และความเสียหายทางการเงินที่อาจประเมินค่าไม่ได้ จึงถือเป็นความท้าทายต่อธุรกิจการเงินในปัจจุบัน


ด้วยความสามารถของ Quantum Computing อาจนำมาซึ่งภัยคุกคามในการทำลายกลไกการเข้ารหัสแบบ Public Key Cryptography ที่องค์กรส่วนใหญ่ใช้ เช่น RSA และ ECC[2] ซึ่งเป็นหัวใจของการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตและการปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน และเมื่อใดที่ Quantum Computing สามารถเข้าถึงได้ในเชิงพาณิชย์ การเข้ารหัสด้วย algorithms ใด ๆ ที่ไม่สามารถทนทานต่อการถอดรหัสด้วยเทคโนโลยี Quantum (Quantum-resistant algorithms หรือที่เรียกว่า Quantum-Safe) การเข้ารหัสเหล่านั้นจะเปราะบางไม่ต่างจากการใช้ตู้เซฟที่ไม่ปิดประตู


ความเสี่ยงจากควอนตัมเป็นปัญหาระดับโลก หน่วยงานสากลด้านความปลอดภัยไซเบอร์ จึงได้เตรียมแนวทางการรับมือไว้ 2 รูปแบบหลัก ดังนี้


1. Post-Quantum Cryptography (PQC) เป็นการป้องกันเชิงซอฟต์แวร์ที่สร้างระบบเข้ารหัสใหม่ด้วยหลักการทางคณิตศาสตร์ ที่แม้แต่ Quantum Computing ก็อาจต้องใช้เวลาหลายพันปีในการถอดรหัส เช่น เทคนิค Multivariate ที่ใช้สมการหลายตัวแปรและมีความซับซ้อนมาก เป็นต้น


2. Quantum Key Distribution (QKD) เป็นการป้องกันเชิงฮาร์ดแวร์ โดยใช้หลักการของ Physic Quantum เพื่อสร้างช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ระหว่างผู้ส่งและผู้รับ นั่นจึงทำให้ QKD สามารถตรวจจับการแอบลักลอบดักข้อมูลได้ทันที หากมีใครพยายามทำ อย่างไรก็ตาม QKD ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบเฉพาะและมีข้อจำกัดด้านระยะทาง จึงเหมาะสำหรับการใช้งานเฉพาะกรณีที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด


“ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์” (Geopolitical Tension) หรือแรงจูงใจด้านความมั่นคงของชาติ เป็นอีกปัจจัยที่เร่งให้ Quantum Computing อาจมาถึงเร็วกว่าที่คิด เนื่องจากชาติมหาอำนาจต่างเร่งลงทุนและผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ หากชาติใดสร้าง Quantum Computing ที่ถอดรหัสคู่แข่งได้ก่อน ก็จะกุมความได้เปรียบ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ ความมั่นคง และข่าวกรองอย่างสมบูรณ์ ปัจจัยเร่งนี้อาจทำให้ “อนาคต” มาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้ เราจึงไม่สามารถประเมินความเร็วของการมาถึงของ Quantum Computing โดยดูแค่ปัจจัยเชิงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว แม้ว่ามีหลายองค์กรมองว่า Quantum Computing ยังอยู่ในห้องทดลองและเป็นเรื่องไกลตัว บางฝ่ายบอกว่า อีก 10-20 ปี กว่าที่ Quantum Computing จะพร้อมใช้งานในเชิงพาณิชย์


ความก้าวหน้าของ AI ส่งผลต่อการพัฒนา Quantum Computing เช่นกัน เพราะช่วยเพิ่มศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ให้สามารถนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การเปิดตัวของ Microsoft’s QPU (Quantum Processing Unit) ที่มีชื่อรุ่นว่า Majorana 1 ซึ่งมีขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงกว่า Super computer หลายเท่า แม้ QPU รุ่นนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้งานจริงในเชิงพาณิชย์ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

 

หลายองค์กรอาจตั้งคำถามว่า “Quantum Computing ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ทำไมต้องรีบสนใจหรือกังวลตอนนี้?” คำตอบคือแนวคิดที่เรียกว่า “Harvest Now, Decrypt Later (HNDL)” หรือ ดักเก็บข้อมูลไว้ก่อน แล้วรอเวลาที่ Quantum Computing จะถอดรหัสข้อมูลเหล่านั้นได้ในอนาคต นั่นหมายความว่า ข้อมูลที่ปลอดภัยในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลูกค้า เอกสารทางกฎหมาย ธุรกรรมการเงินย้อนหลัง หรือแม้รหัสผ่าน (key algorithm) อาจไม่ปลอดภัยอีกต่อไปในวันหน้า องค์กรจึงควรรีบประเมินความเสี่ยง และวางแผนการปกป้องข้อมูลตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่รอให้ Quantum Computing มีใช้อย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์ แล้วค่อยเริ่ม


ยิ่งไปกว่านั้น ความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นเพียงวันที่ข้อมูลเข้ารหัสถูกขโมยไป แต่ข้อมูลเข้ารหัสเหล่านั้นอาจกลายเป็นหนังสือที่ถูกเปิดอ่านได้อีก 5-10 ปีข้างหน้า คำถามสำคัญที่ผู้บริหารต้องเข้าใจ จึงไม่ใช่ “ข้อมูลขององค์กรถูกเข้ารหัสแล้วหรือไม่?” แต่ต้องเป็น “การเข้ารหัสที่องค์กรใช้อยู่ในปัจจุบันแข็งแกร่งพอที่จะทนทานต่อศักยภาพของ Quantum Computing ในอนาคต (Quantum-Safe) หรือไม่?” หากคำตอบคือ “ไม่” นั่นแปลว่า ข้อมูลทั้งหมดที่เชื่อว่าปลอดภัย อาจมีวันหมดอายุรออยู่ เพราะมีโอกาสที่จะถูกถอดรหัสได้ในอนาคตนั่นเอง

 

การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Quantum อาจดูเป็นเรื่องใหญ่และน่ากังวล เปรียบเหมือนสมัย Y2K แต่จุดเริ่มต้นที่ทำได้ทันทีและสำคัญที่สุด คือ การประเมินความเสี่ยงของข้อมูล (Data Risk Assessment) โดยมีมิติของ “เวลา” เป็นหัวใจสำคัญ โดยต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจข้อมูลที่มีและจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล ดังนี้


1. สำรวจและจัดทำบัญชีข้อมูล (Data Inventory): จัดเก็บข้อมูลอะไรบ้าง? จัดเก็บไว้ที่ไหน? และมีการป้องกันอย่างไร?
2. ประเมินความปลอดภัยของอายุข้อมูล (Security Shelf-Life): องค์กรควรพิจารณาว่า “ข้อมูลแต่ละประเภทต้องคงความลับไปอีกนานแค่ไหน?” “หากข้อมูลที่บริษัทเก็บรักษา กำลังจะพบความเสี่ยงจากการถูกถอดรหัสได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะกระทบต่อองค์กรหรือไม่?” “หากข้อมูลขององค์กรที่เคยพบว่ารั่วไหลในอดีต แม้เข้ารหัสไว้แล้ว แต่หากถูกถอดรหัสได้ในอนาคต จะกระทบต่อองค์กรและลูกค้าหรือไม่” หากคำตอบคือ “ใช่” นั่นคือจุดที่ควรเริ่มวางกลยุทธ์ป้องกัน


• ข้อมูลการทำธุรกรรมรายวัน อาจมีความเสี่ยงต่ำจากมิติเวลา เพราะหมดความสำคัญภายในระยะเวลาสั้น อาจต้องการความปลอดภัยเพียง 3-5 ปี

• ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (PII), ข้อมูล KYC/CDD, ข้อมูล biometrics หรือสัญญาทางการเงินระยะยาว อาจต้องการความปลอดภัยนานถึง 10-20 ปี หรือตลอดชีวิตของลูกค้า

การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลนี้ จะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Post-Quantum ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อมูลที่มีความเสี่ยงสูงจากมิติเวลาควรได้รับการปกป้องด้วยระบบการเข้ารหัสที่ทนทานต่อ Quantum ในลำดับแรก (Quantum-Safe) ขณะที่ข้อมูลที่มีความเสี่ยงต่ำอาจใช้ระบบเดิมต่อไปได้อีกสักระยะ

บทความนี้ ก.ล.ต. มุ่งสร้างความตระหนักให้องค์กรไม่ควรรอให้เทคโนโลยี Quantum มาถึงก่อน แต่ควรเตรียมแผนการเปลี่ยนผ่าน (Transition Plan) ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงและการลงทุนในการป้องกันได้อย่างสมดุล ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้องค์กรสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในยุค Quantum ที่กำลังจะมาถึง

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้