ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

5 พ.ย. 2568 09:52:18 96

Market Wrap-Up

SET วันที่ 4 พ.ย.68 ปิด -10.26 จุด อยู่ที่ 1,298.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,719 ลบ. ต่างชาติขาย 868 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,055 ลบ. สถาบันขาย 532 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,455 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,087 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,ADVANC,BDMS,OR,BANPU และยอดขายหุ้น PTTEP,TRUE,GULF,TOP,THAI มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,246 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ MINT,SCGP,BH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 8,804 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 68,043 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 128 ลบ.

Market View

DJIA -0.53%, S&P500 -1.17%, Nasdaq -2.04% จากแรงชายกลุ่มเทคโนโลยี -77%, สินค้าฟุ่มเฟือย -1.85% หลัง CEO ของ Goldman Sachs เตือนมูลค่าหุ้นปัจจุบันสูงเกินไป และตลาดมีความเสี่ยงปรับฐาน 10 - 20% ภ่ายใน 12 - 24 เดือนข้างหน้า เช่นเดียวกับ CEO ของ Morgan Stanley เตือนตลาดมีการปรับฐาน 10 - 15% ซึงไม่ได้เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้หุ้น Palantir บริษัทซอฟแวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล -8% ถูกแรงขายทำกำไรหลังปีนี้หุ้นปรับขึ้น +152% และหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 เช่น Nvidia -4%, Meta Platforms -1.6% ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามวันพรุ่งนี้ศาลฎีกาสหรัฐจะไต่สวนกรณี ปธน.ทรัมป์ใช้ กม.IEEPA เรียกเก็บภาษีศุลกากรเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของ กม.หรือไม่ ซึ่งหากผิดสหรัฐจะคืนภาษีที่เก็บมามูลค่า 1.18 แสน ล.ดอลลาร์ รวมถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาชัตดาวน์เป็นวันที่ 36
Stoxx600 ยุโรป -30% จากแรงชายกลุ่มเทคโนโลยี -1% หลังมูลค่าหุ้นปัจจุบันสูงเกินไป และกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน -2% ลดลงตามราคาทองแดง ขณะที่กลุ่มบริการสุขภาพ +0.8% ได้ปัจจัยหนุนจากหุ้น Coloplast +4.8% ตอบรับกำไรไตรมาสที่ดีกว่าคาด ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม PMI ภาคบริการยูโรโซน ต.ค. คาดทรงตัวที่ 52.6 และ PPI ยูโรโซน ก.ย. คาด -0.2% & ส.ค. -0.6% YoY
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ -74% ถูกแรงขายหลังปรับขึ้นติดต่อกันกว่า 2,000 จุด ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา จากแรงขายกลุ่มขนส่งทางทะเลและกลุ่มสื่อสาร ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.41% หลังข้อมูล PMI ภาคการผลิตจีน ต.ค. ชะลอตัวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับดัชนีฮั่งเส็ง -0.79% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -1.8% หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศจำกัดการใช้ชิป Blackwell เฉพาะในสหรัฐเท่านั้น ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภค & อสังหา ฯ ก็ชะลอตัวตามอุปสงค์ของตลาดจีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันพรุ่งนี้ติดตามข้อมูลส่งออก - นำเข้าจีน ต.ค.
SET วานนี้ -78% ปริมาณการซื้อขาย 4.0 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 868 ลบ. สถาบันขาย 532 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,055 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,455 ลบ. จากแรงขายกลุ่ม Global Play เช่น ปิโตรเคมี, พลังงาน, วัสดุก่อสร้าง และขนส่ง หลังข้อมูล PMI ภาคการผลิตจีน & เกาหลีใต้ ต.ค.มีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลลบต่อแนวโน้มกำไร Q4/68 ของกลุ่ม Global Play เหล่านี้ กอปรกับวันพรุ่งนี้ศาลฎีกาสหรัฐจะไต่สวนกรณี ปธน.ทรัมป์ใช้ กม.IEEPA เรียกเก็บภาษีศุลกากรนั้นจะเข้าข่ายใช้อำนาจเกินขอบเขตของ กม.หรือไม่ ถ้าศาลตัดสินว่าผิด สหรัฐจะคืนเงินภาษีให้กับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ มูลค่าราว 1.18 แสน ล.ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์อาจใช้ ม.388 ของ กม.การค้าปี 1930 เพื่อเก็บภาษีในอัตรา 50% แทน ส่งผลให้ความเสี่ยงภาวะสงครามการค้าอาจกลับมากดดันตลาดหุ้นอีกครั้ง ขณะที่ภาวะขัตดาวน์สหรัฐเข้าสู่วันที่ 36 หลังพรรครีพับลิกันได้เสียงโหวตเพียง 53 - 47 เสียง ยังไม่เพียงพอที่จะผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายชั่วคราว ส่วนปัจจัยในประเทศอยู่ระหว่างรอการรายงานกำไร บจ.Q3/68 โดยกำไรของกลุ่ม Domestic Play มีแนวโน้มชะลอตัว

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,280 - 1,290 แนวต้าน 1,300 - 1,310 คาดดัชนีจะถูกกดดันจากความผันผวนของดัชนีหุ้นสหรัฐที่มี Valuation สูงเกินไป แนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดจะรายงานกำไร Q3/68 เติบโตดี เช่น CPN, WHAUP, TOA, OR / เก็งกำไรกลุ่มที่รายงานกำไร Q3/68 ดีกว่าคาด เช่น ADVANC,IRPC
WHAUP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.90 บาท) แนวโน้มกำไร 3Q68 เติบโตได้ QoQ, YoY หนุนจากธุรกิจ Utilities ที่มีการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำเกินโควตาจากลูกค้า Data Center รายใหญ่ ขณะที่ผลขาดทุนจากโรงไฟฟ้า Gheco One ลดลงตามต้นทุนถ่านหิน ประกอบกับไม่มีการหยุดเดินเครื่องนอกแผน นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสเติบโตจากโครงการ Direct PPA 2,000MW ที่ กกพ.น่าจะออกประกาศได้ภายในสิ้นปี 68 รวมถึงการจัดหาน้ำจำนวนมากสำหรับลูกค้ากลุ่ม data center hyperscale ที่อยู่ในนิคมของ WHA ในเขต EEC เช่น Google, Beijing Haoyang, GSA Data Center 02 ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 2 พันล้านบาท +4%YoY และ 1.4 พันล้านบาท +20%YoY
ADVANC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 320.0บาท) วานนี้รายงานกำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 12,039 ลบ.(+37%YoY, +10%QoQ) สูงกว่า Bloomberg Consensus +8% มีแรงหนุนทั้งในเชิงรายได้ที่สูงขึ้นและต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยฝั่งรายได้บวกจาก 1.การปลี่ยนถ่ายแพกเกจมือถือไปเป็น 5G และการอัพเกรดแพกเกจอินเตอร์เน็ต การให้บริการลูกค้าองกรณ์(EDS, Cloud) และ 3.การขาย iPhone17 ขณะที่ฝั่ง Cost ลดทั้งค่าเสื่อม และค่าใช้จ่ายโครงข่าย//ค่าใช้จ่ายการเป็นพันธมิตรกับ NT ส่วน 4Q68 เบื้องต้นคาดการดำเนินงานปกติจะยัง +YoY +QoQ หนุนตามฤดูกาลและEconomies of Scale

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ธ.ค.-$0.49 อยู่ที่ $60.56 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. -$0.45 อยู่ที่ $64.44/บาร์เรล ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.35% อยู่ที่ 100.22 หลังยังไม่ชัดเจนว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. หรือไม่ กอปร PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่น ต.ค. ลดลงแรงสุดในรอบ 19 เดือน ขณะที่ PMI ภาคการผลิตจีน ต.ค. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ซึ่งเป็นผลลบต่ออุปสงค์ตลาดน้ำมัน

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$53.50 อยู่ที่ $3,960.50 /ออนซ์. ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่าอยู่ที่ 100.22 สูงสุดในรอบ 3 เดือน หลัง CME FedWatch ชี้มีโอกาส 71% & จากเดิม 91% คาดจะลดดอกเบี้ยใน ธ.ค.

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -2.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -26.67 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +18.21 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +5.8 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงอยู่ที่ 32.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.062 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +13 อยู่ที่ 1,958

(-) BitCoin เช้านี้ -6.87% อยู่ที่ 99,700 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ต่างประเทศ

03 ก.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)

04 ก.ย. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.ย.)

05 ก.ย. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)( ต.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

)

Theme Strategy

เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68

(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*

(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*

(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*

(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*

(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*

(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)

(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, PRM*, BCPG*, KLINIQ, TFM*

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662