สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 5 พฤศจิกายน 2568 )------- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568คาดตลาดแกว่งลงแต่มีลุ้นชะลอการลงที่แนวรับ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ วันนี้มีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทย คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปยังติดลบต่อเป็นเดือนที่ 7 แต่คาดผลจำกัดหลังตลาดเริ่มชิน ปัจจัยต่างประเทศ เริ่มมีแรงขายหุ้นเทคฯ หลังผลประกอบการ ในขณะที่การปิดหน่วยงานราชการสหรัฐฯ เข้าสู่วันที่ 35 นานสุดในประวัติศาสตร์และยังไม่มีสัญญาณกลับมาเปิด เทคนิคตลาดเบรกลงหลุด 1305-1300 ทำให้เป็นการแกว่งตัวลงไปที่ 1290/1285 ที่มีช่วงรีบาวด์ได้ มีแนวต้านที่ 1300/1305
ประเด็นสำคัญ
• กรมอุตุฯ เตือนพายุ “คัลแมกี” จะพาดผ่านบริเวณตอนบนของไทยวันที่ 7-9 พ.ย. 2568 ส่งผลให้มีฝนตกหนักในบางพื้นที่และเสี่ยงเกิดน้ำป่าและน้ำท่วมฉับพลัน ปริมาณน้ำในเขื่อนรวมภาคเหนือและภาคกลางอยู่ที่ 97% และ 88% ใกล้เคียงกับในปี 2554 นักลงทุนที่กังวลการเกิดอุทกภัย แนะเก็งกำไร TASCO BJC HMPRO และ GLOBAL
• ครม. เห็นชอบการเสนอประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ระดับโลก MotoGP เป็นเวลา 5 ปี ระหว่างปี 2570-2574 ภายใต้งบประมาณ 4 พันลบ. ซึ่งมีผู้ชมผ่านการถ่ายทอดสดในรูปแบบต่างๆ ราว 800 ล้านคนทั่วโลก ประเมินจะสร้างมูลค่าทาง ศก. 2.5 หมื่นลบ. คาดมี นทท. ช่วงจัดงาน 1.5 ล้านคนต่อวัน
• จำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อนจำนวน 644,179 คน เพิ่มขึ้น 9%WoW หนุนจากกลุ่ม นทท. ที่ไม่ใช่จีน สะท้อนสัญญาณฟื้นตัวของการท่องเที่ยวซึ่งผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q68 แล้ว ขณะที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ทำให้จำนวน นทท. สะสมทั้งปี 2568 ที่ 26,889,456 คน ต่ำกว่าในปีก่อน 7.2%YoY
• ททท. คาดช่วงเทศกาลลอยกระทงจะมี นทท. ไทยเดินทางท่องเที่ยวราว 1.91 ล้านคน-ครั้ง และสร้างมูลค่าทาง ศก. ราว 6,540 ลบ. โดยประเมินภาคเหนือจะได้รับความนิยมสูงสุด และคาดอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ราว 65% เป็น นทท. ไทยราว 41% และมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้น ศก. ของรัฐ เช่น “คนละครึ่งพลัส” และ “เที่ยวดีมีคืน”
• เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯเรียกร้องให้สหรัฐฯ เลี่ยง 4 ประเด็นอ่อนไหว ได้แก่ ไต้หวัน, ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน, ระบบการเมืองจีนและสิทธิในการพัฒนา เพื่อรักษาข้อตกลงสงบศึกการค้า
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1280-1345 จุด ปัจจัยในประเทศติดตามการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบ 3Q68 ของ บจ. กลุ่ม Real Sector หลังงบหุ้นธนาคารส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าตลาดคาด และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล อาทิ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย โดยจะรับซื้อหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและค้างชำระไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย ขณะที่เงินเฟ้อไทย ต.ค. 2568 คาดติดลบต่ออย่างน้อย 0.5%YoY (จาก ก.ย. ที่ -0.7%YoY) ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น การจ้างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ และดุลการค้า ต.ค. 2568 หากออกมาแย่ ตลาดจะให้น้ำหนักเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงต่อใน ธ.ค. นี้ 2) การประชุม BoE คาดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย และ 3) งบ 3Q68 ของ บจ. ขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่คาดจะดีกว่าตลาดคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ – แนวต้าน : 1290/1285 – 1300/1305
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ ตลาดติดตามการรายงานผลประกอบการ 3Q68 กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักและ 4 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงานปกติ 3Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC BCP LHSC OR PTT TRUE
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่มีแนวโน้มจะประกาศผลประกอบการ 3Q68 ออกมาดีกว่าตลาดคาด แนะนำ BCPG GFPT CPALL BGRIM 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากทรัมป์และสีจิ้นผิงบรรลุข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้นได้ แนะนำ IVL PTTGC SCC SCGP 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการแก้หนี้ 4) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอลลาร์อ่อนค่า (บาทแข็งค่า) แนะนำ กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC)
Daily Top Picks
ADVANC: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไร 3Q68 ที่ออกมาดีกว่าคาด กําไรปกติอยู่ที่ 1.19 หมื่นลบ. (+42.4% YoY และ +9.6% QoQ) สูงกว่าเราคาด 7.9% และสูงกว่าตลาดคาด 5.9% รายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB เติบโตหนุน ส่วน 4Q68 คาดว่าจะเติบโตต่อจากการประหยัดต้นทุนหลังประมูลคลื่น ราคาเป้าหมายระยะสั้น 307 บาท
BCPG: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากผลประกอบการ 3Q68 คาดจะออกมาดี เติบโตก้าวกระโดดทั้ง YoY และ QoQ และจะยังเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2569 จาก Capacity Payment ในสหรัฐฯ ที่รับรู้เต็มไตรมาส Valuation ไม่แพง PER 2569F 11 เท่า (-1SD) ซึ่งมองยังไม่สะท้อนกำไรปกติที่แข็งแกร่งในปี 2568-69 เป้าหมายระยะสั้น 8.15 บาท