Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

SCB FM มองเงินบาทอาจแข็งค่าต่อได้ แต่อัตราการแข็งค่าอาจ ไม่มากเท่าช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยไทยอาจลงต่อ

92

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 4 พฤศจิกายน 2568 )------- กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่า การอ่อนค่าของเงินบาทในเดือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่มาจากราคาทองคำ ขณะที่ปัจจัยด้านแข็งค่ามาจากเลขส่งออกไทยที่ดีกว่าคาดและ Sentiment ต่อภาวะการค้าโลกที่ดีขึ้น ในระยะต่อไป คาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าได้ แต่อัตราการแข็งค่าจะน้อยกว่าช่วงก่อนหน้านี้ มองกรอบระยะสั้น 31.90-32.40 และช่วงปลายปีอาจแข็งค่าต่อไปที่ 31.70-32.20 บาทต่อดอลลาร์ ด้านอัตราดอกเบี้ย มองว่า กนง. อาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Government bond yields) กลับมาลดลงอีกได้ แต่ Yields ระยะยาว จะลดลงได้น้อยกว่าจาก Term premium ที่กลับมาสูงขึ้นในช่วงหลัง ตามอุปสงค์ต่อพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ลดลง

นายแพททริก ปูเลีย รองผู้จัดการใหญ่ Head of Financial Markets Function ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินบาทเดือนที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในกรอบที่ประเมินไว้ โดยปัจจัยด้านราคาทองคำมีผลต่อค่าเงินบาทค่อนข้างมาก หลังจากที่ราคาทองคำสูงขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทองคำในตลาดโลกก็เผชิญแรงเทขายทำกำไร ทำให้ราคาปรับลดลงแรง และพบว่านักลงทุนไทยเทขายทองคำออกมาเช่นกัน โดยแรงขายทองคำกดดันให้เงินบาทปรับอ่อนค่าเร็วในช่วงดังกล่าว นายแพททริกกล่าวเสริมว่าความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างเงินบาทและทองคำโดยส่วนใหญ่จะไปในทิศทางเดียวกัน คือ หากราคาทองคำสูงขึ้น มักเห็นเงินบาทแข็งค่าตามการขายทองคำในรูปเงินดอลลาร์เพื่อทำกำไร อย่างไรก็ดี ในบางช่วงอาจพบว่า Correlation เปลี่ยนไป ซึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองและพฤติกรรมของนักลงทุน เช่น หากมองว่าราคาทองคำจะขึ้นต่อเนื่อง ก็จะมีแรงซื้อทองคำและเงินดอลลาร์ต่อ กดดันให้เงินบาทอ่อนค่า

ปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศส่งผลทางอ้อม (Indirect effects) มาที่เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน เช่น การอ่อนค่าของเงินเยนและเงินยูโร โดยการแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่ของญี่ปุ่นส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่า เพราะมีนโยบายเน้นไปที่การเร่งการใช้จ่ายภาครัฐและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดกังวลเรื่องฐานะการคลัง นอกจากนี้ เงินยูโรก็เผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า เพราะความกังวลในเรื่องการผ่านกฎหมายร่างงบประมาณปี 2026 ของฝรั่งเศสยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก และไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้ เนื่องจากพรรคของนายกฯ คนใหม่มีคะแนนเสียงไม่พอที่จะโหวตผ่านสภา จึงต้องปรับร่างงบประมาณใหม่เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านด้วย ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และส่งผลทางอ้อม ทำให้เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมา ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น เริ่มจากความกังวลต่อฐานะของธนาคารภูมิภาคในสหรัฐฯ ที่มีการตัดชำระหนี้เสียสูง ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และยังมีดีลการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ทำให้ Sentiment โดยรวมในตลาดเอเชียปรับดีขึ้น นอกจากนี้ เลขส่งออกไทยออกมาดีกว่าคาดมาก จึงทำให้เงินบาทแข็งค่า

สำหรับมุมมองเงินบาทในระยะสั้น คาดว่าจะยังเผชิญแรงกดดันด้านแข็งค่าได้ต่อเนื่อง เพราะ 1) Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย 25 bps ในเดือน ธ.ค. เพราะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอลงชัดเจนขึ้น สะท้อนจากการปลดพนักงานเอกชนบางแห่ง ซึ่งขณะนี้ตลาดให้โอกาสเพียง 70% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ดังนั้น หาก Fed ลดดอกเบี้ยตามที่เราคาด จะทำให้ US Treasury yields ลดลง และดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า กดดันให้บาทแข็งค่าได้ 2เงินยูโรและเงินหยวนมีแนวโน้มแข็งค่าได้ต่อ ซึ่งจะดันให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง โดยเป็นผลจากโมเมนตัมเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นในระยะต่อไป ตามการใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้งในยุโรปและจีน สำหรับทิศทางเงินเยน นายแพททริกกล่าวว่า โอกาสที่เงินเยนจะอ่อนค่าต่อมีน้อยลง เพราะมีโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเข้าแทรกแซงค่าเงินมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เงินเยนถูกปรับฐานให้แข็งค่าได้ นอกจากนี้ ช่วงปลายปีมีโอกาสที่ BOJ จะเริ่มส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย โดยอาจขึ้นจริงช่วงต้นปีหน้า ทำให้อาจเห็นเงินเยนเริ่มกลับมาแข็งค่าได้

อัตราการแข็งค่าของเงินบาทอาจไม่มากเท่าในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพราะเงินทุนเคลื่อนย้ายมีแนวโน้มไหลเข้าไทยไม่มากเท่าประเทศอื่นในภูมิภาค และการปรับขึ้นของราคาทองคำเริ่มชะลอลงแล้ว จึงหนุนบาทได้ไม่มาก โดยมองกรอบเงินบาท 1 เดือนจากนี้ที่ราว 31.90-32.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และมองเงินบาทปลายปีมีแนวโน้มแข็งค่าต่ออีกเล็กน้อยที่กรอบราว 31.70-32.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐที่ราว 32.30-32.80 เป็นระดับที่ผู้ส่งออกอาจพิจารณาขายได้ โดยปัจจัยที่อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าขึ้นไปที่ระดับนี้อาจมาจากการสื่อสารของ Fed ที่ยังกังวลเรื่องเงินเฟ้อและไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อชัดเจน ซึ่งอาจกดดันให้ดัชนีเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าต่อได้ นอกจากนี้ หากเงินเยนยังอ่อนค่าต่อ และราคาทองคำปรับลดลง ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ดี หากเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามาที่ราว 31.50-32.00 ผู้นำเข้าอาจพิจารณาซื้อดอลลาร์ได้ โดยหากเลขส่งออกไทยยังออกมาสูงกว่าคาด หรือความขัดแย้งทางการค้าที่ทุเลาลงหลังทรัมป์ทำข้อตกลงการค้าได้ ก็อาจสนับสนุน Sentiment ในตลาดเอเชียรวมถึงไทย นอกจากนี้ หากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยส่งผลชัดเจนขึ้นอาจทำให้บาทแข็งค่า

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนที่ผ่านมาปรับสูงขึ้นเป็นผลจาก 1) กนง. ไม่ลดดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดไว้ 2) อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรไทยต่ำ ทำให้Valuation ต่ำกว่าพันธบัตรประเทศอื่น 3) ความต้องการจากนักลงทุนสถาบันบางกลุ่มทีลดลง รวมถึงมีแรงขายเพื่อทำกำไรจากการถือพันธบัตรรัฐบาลก่อนหน้านี้ 4) ความไม่แน่นอนทางการเมือง และมาตรการรัฐที่ออกมาเพิ่ม และ 5) Bond supply ช่วงที่ผ่านมามีเยอะ ในระยะต่อไป แนวโน้ม Yield curve ของไทยอาจปรับชันขึ้น (Steepen) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (ST yields อายุ ปี) อาจปรับลดลงได้ตามการลดดอกเบี้ยของ กนง. ในเดือน ธ.ค. และต้นปีหน้า ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (LT yields อายุ 10 ปี) อาจปรับลดลงได้น้อยกว่าจาก Term premium ที่สูงขึ้นมาในช่วงนี้ ตาม Demand ที่มีแนวโน้มลดลง และความไม่แน่นอนทางการเมืองรวมถึงนโยบายรัฐที่อาจใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงที่เข้าใกล้การเลือกตั้งใหม่

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยังดี มีสตอรี่ให้เล่น By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย อยู่ในสภาวะไม่คึกคัก ด้วย ตอนนี้ นักลงทุน อยู่ระหว่าง...

SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน

SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้