Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

วิจัยกรุงศรี เศรษฐกิจไทยแม้ภาคส่งออกยังขยายตัวแต่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 มีแนวโน้มหดตัว คาดทั้งปี GDP โต 2.1%

93

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 4 พฤศจิกายน 2568)-------เศรษฐกิจโลก


ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนช่วยลดความไม่แน่นอนในระยะสั้น ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีสัญญาณการฟื้นตัวหลังนายกฯประกาศเดินหน้านโยบายการคลังเชิงรุก


เฟดลดทอนโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ขณะที่ ข้อตกลงทางการค้ากับจีนล่าสุดช่วยคลายความตึงเครียดในระยะสั้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติ 10-2 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.75%-4.00% พร้อมประกาศยุติการใช้นโยบายคุมเข้มเชิงปริมาณ (Quantitative Tightening: QT) ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ขณะที่ผลเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนออกมาในเชิงบวก โดยทรัมป์ประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนลงจากเดิม 57% เหลือ 47% โดยมีผลทันที เพื่อแลกกับการที่จีนจะกลับมาซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐฯ รวมถึงการส่งออกแร่หายากและปราบปรามการค้าเฟนทานิลผิดกฎหมาย


ทั้งนี้ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนดังกล่าวช่วยลดความไม่แน่นอนลงในระยะสั้น ขณะที่การส่งสัญญาณของประธานเฟดล่าสุดที่ระบุถึงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและการขาดข้อมูลเศรษฐกิจในช่วง Government Shutdown ส่งผลให้มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม จากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว สะท้อนผ่านการจ้างงานที่ลดลง การบริโภคที่อ่อนแอ ท่ามกลางความเสี่ยงจากการปิดหน่วยงานราชการที่ยืดเยื้อ ยังเปิดโอกาสให้เฟดสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ภายในสิ้นปีนี้


นโยบายการคลังเชิงรุกของรัฐบาลและการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในระยะข้างหน้า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติ 7-2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% โดยให้น้ำหนักเรื่องความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจรวมถึงความไม่แน่นอนที่เกิดจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ลงนามข้อตกลงทางการค้าและแร่ธาตุสำคัญ (Rare Earth) ผ่านความร่วมมือด้านภาษี การขนส่ง และการลงทุน รวมถึงคำมั่นที่ญี่ปุ่นจะจัดสรรเงินลงทุนในโครงการของสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 550,000 ล้านดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน


มาตรการกระตุ้นทางการคลังของรัฐบาลญี่ปุ่นล่าสุดคาดว่าจะช่วยฟื้นการบริโภคและหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงปลายปีผ่านเม็ดเงินลงทุนมูลค่ากว่า 13.9 ล้านล้านเยน โดยจะมุ่งเน้นการช่วยเหลือภาคครัวเรือนและธุรกิจ การแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และความมั่นคง รวมถึงบรรเทาผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้า ขณะเดียวกันผลเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ อาจช่วยลดแรงกดดันต่อภาคการส่งออกและการผลิตได้บ้าง จากปัจจัยดังกล่าวประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% วิจัยกรุงศรีประเมินว่า BOJ มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในต้นปี 2569

 


แม้ความขัดแย้งทางการค้าเริ่มผ่อนคลายลงบ้าง แต่กระแส Trade Protectionism และปัญหาเชิงโครงสร้างยังกดดันเศรษฐกิจจีน PMI ภาคการผลิตชะลอลงแรงสุดในรอบครึ่งปีจาก 49.8 ในเดือนกันยายนเป็น 49 ในเดือนตุลาคม ขณะที่กำไรภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเร่งขึ้นจาก 0.9% YoY ในช่วง 8 เดือนแรกเป็น 3.2% ในช่วง 9 เดือนแรก อีกด้านหนึ่ง จีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงทางการค้าชั่วคราว โดยสหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนลง 10% เป็นระยะเวลา 1 ปี พร้อมทั้งชะลอการควบคุมการส่งออกสินค้าสำคัญไปยังจีนและชะลอการตรวจสอบอุตสาหกรรมต่อเรือของจีน ขณะที่จีนจะชะลอการควบคุมการส่งออกแร่หายาก และการตอบโต้อื่น ๆ เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมถึงจะกลับมานำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ

การชะลอตัวในภาคการผลิตติดต่อกันถึง 7 เดือนสะท้อนให้เห็นว่า ภาคการผลิตโดยพื้นฐานยังคงอ่อนแอแม้มีมาตรการกระตุ้น ขณะที่แรงส่งการฟื้นตัวของกำไรภาคอุตสาหกรรมยังไม่ชัดเจน และยังเผชิญอุปสรรคจากภาวะอุปทานส่วนเกินและการแข่งขันทางด้านราคาที่รุนแรง นอกจากนี้ แม้มีการสงบศึกทางการค้าชั่วคราว แต่ภาษีนำเข้ายังอยู่ในระดับสูง เมื่อประกอบกับการกีดกันทางการค้าอื่น ๆ คาดว่า จะยังแรงกดดันภาคการส่งออกและภาคการผลิตของจีน ในระยะต่อไป ยังต้องจับตาประเด็นภาษีสวมสิทธิ์และสงครามเทคโนโลยี ที่อาจส่งผลกระทบกระทบต่อเศรษฐกิจและเศรษฐกิจโลกโดยรวม

เศรษฐกิจไทย

แม้ภาคส่งออกยังขยายตัวแต่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 มีแนวโน้มหดตัว คาดทั้งปี GDP โต 2.1%

เศรษฐกิจไทยเดือนกันยายนปรับดีขึ้นจากภาคส่งออกและท่องเที่ยว แต่ภาพรวมไตรมาส 3 ชะลอลงจากไตรมาสก่อน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเศรษฐกิจเดือนกันยายน มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (+0.9% MoM sa) ตามการขยายตัวของการส่งออกในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายรับที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (+5.8% และ +12.6% ตามลำดับ) อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในประเทศซบเซาลง โดยการบริโภคภาคเอกชนหดตัว (-0.8%) ตามการลดลงในหมวดบริการ ด้านการลงทุนภาคเอกชนหดตัว
(-4.5%) จากการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นหลัก

ในไตรมาส 3 เศรษฐกิจไทยชะลอลงจากไตรมาสก่อน จากแรงกดดันของอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแรง โดยการบริโภคภาคเอกชนหดตัวตามรายได้และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ชะลอลง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนลดลงต่อเนื่องสะท้อนความระมัดระวังของภาคธุรกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่วนภาคท่องเที่ยวยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ต่ำกว่าระดับก่อนโควิด อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ แม้เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ บางส่วนก็ตาม ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดการณ์ GDP ไทยในไตรมาส 3 ของปีนี้ อาจหดตัว -0.3% QoQ sa หรือขยายตัวเพียง 1.4% YoY (เทียบกับ +0.6% และ +2.8% ตามลำดับ ในไตรมาส 2) สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลล่าสุดในโครงการ “คนละครึ่งพลัส” และ “เที่ยวดีมีคืน” คาดว่าจะช่วยหนุนการใช้จ่ายและภาคบริการให้ฟื้นตัว ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวซึ่งจะสามารถหลีกเสี่ยงการเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคได้ โดยทั้งปี 2568 วิจัยกรุงศรียังประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ 2.1%

 

แม้มูลค่าส่งออกเดือนกันยายนเติบโตสูงสุดในรอบ 42 เดือน แต่กระจุกตัวในหลายอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกในเดือนกันยายนอยู่ที่ 31.0 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัว 19.0% YoY หากหักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน และทองคำ การส่งออกเติบโต 15.7% โดยการส่งออกสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรยังคงหดตัวต่อเนื่อง อาทิ ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ด้านตลาดส่งออกพบว่าตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัว ได้แก่ สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอาเซียน สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 254.1 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.9%


แม้การส่งออกในเดือนกันยายนยังคงเติบโตสูงแต่โครงสร้างการเติบโตยังคงกระจุกตัวอยู่ในบางอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้แรงหนุนจากการเร่งส่งออกก่อนที่สหรัฐฯจะมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าในกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ ประกอบกับแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลทั่วโลก ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรยังคงหดตัวต่อเนื่องจากราคาตลาดโลกที่ปรับลดลงและการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นในภูมิภาค รวมทั้งผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้แม้การส่งออกอาจมีแนวโน้มชะลอลงบ้างหลังจากเร่งส่งออกไปแล้วนั้น แต่จากมูลค่าการส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกที่ขยายตัวสูงเกินคาด จึงมีแนวโน้มที่การส่งออกทั้งปีจะเติบโตได้ดีกว่าที่วิจัยกรุงศรีเคยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.5% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ใช่การเติบโตแบบทั่วถึง (broad-based) ทำให้ผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวมยังค่อนข้างจำกัด และอาจไม่เพียงพอที่จะชดเชยอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยังดี มีสตอรี่ให้เล่น By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย อยู่ในสภาวะไม่คึกคัก ด้วย ตอนนี้ นักลงทุน อยู่ระหว่าง...

SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน

SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้