Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.ทิสโก้ : ITC คงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท

97

 

Company Note
i-Tail Corporation

สรุปประชุมนักวิเคราะห์ (31/10/25)

บริษัทตั้งเป้าการเติบโตปีหน้าในระดับ Mid-to-High Single Digit (Dollar term) โดยมองตลาดโลกจะเติบโตที่ 3–4% และเตรียมออกสินค้าใหม่ใน Q1 ปีหน้า โดยคาดว่ากลุ่ม Treat และ NPD ใหม่จะเป็นแรงผลักดันหลักช่วยบรรเทาในช่วง low seasonal ได้ ในด้านภาษีสหรัฐ (US Tariff) บริษัทเริ่มใช้ Short-Term Tariff Support โดยมีผลกระทบต่อ GP และ NP margin ในระยะสั้น ซึ่งจะใช้เพียงในช่วง Q3-Q4/2025 เท่านั้น และจะยุติการสนับสนุนเงินสดในปี 2026 โดยจะหันไปใช้การลดต้นทุนและปรับราคาเพื่อรักษา margin ระยะยาว

ตลาดสินค้าใหม่กลุ่ม Treat และนวัตกรรม (NPD) คาดว่าตลาด Global Food จะเติบโต 3-4% ถึงปี 2030 และตลาด Treat คาดโต ~3.8% ต่อปี เทรนด์หลักในตลาด Treat ได้แก่ Functional Wellness, Seasonality (Halloween/Christmas), และ Humanization โดยใน 3Q25 ITC สัดส่วนของ Treat ในบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 17.5% ใน Q3 จาก 11–13% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสนับสนุนด้วย NPD/Innovation โดยสินค้าประเภท Treat มี GP สูงกว่าหมวดอาหารหลักประมาณ 5% ขึ้นอยู่กับตลาดและสูตร ลูกค้ากลับมาคุยเกี่ยวกับ NPD แนวพรีเมียมและฟังก์ชันนัลเพิ่มขึ้น โดยบริษัทกำลังทำวิจัยและการทดสอบเพื่อเตรียมออกสินค้าใหม่ในต้นปีหน้าโดยที่ Treat จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลัก

แผนการร่วมทุน M&A บริษัทพิจารณาหมวด Air-/Freeze-Dry เป็นหมวดที่น่าสนใจ โดยอาจใช้ M&A เป็นทางเลือก แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา บริษัทมีกระแสเงินสดและการลงทุนระยะสั้นประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอรองรับ M&A ขณะที่มีการเพิ่ม Capex กลับมาที่เดิมอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท จากเดิมเหลือ 1,200 ล้านบาท เนื่องจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯชัดเจนแล้ว และโครงการ Transformation (Tailwind) ก็ยังเดินหน้าตามแผน โดยประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 14 ล้านเหรียญจากการปรับปรุงการผลิตและการจัดซื้อ


ผลประกอบการ Q3/2025 และภาพรวม 9 เดือน ของบริษัทแสดงถึงการเติบโตที่มั่นคง

ยอดขาย 3Q25 ในสกุลดอลลาร์สหรัฐเติบโต YoY 14.2% และ QoQ 6.7% อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้ยอดขายรวมในสกุลเงินบาทเติบโตน้อยกว่า YoY 6.4% และ QoQ 5.5% ขณะที่ 9M25 เติบโต 3.2% โดยสัดส่วนสินค้าพรีเมียม (Premix) ใน Q3 อยู่ที่ 55% และ Gross Margin (GP) อยู่ที่ ~25.4% ซึ่งใกล้เคียงกับ 25.2% ของภาพรวม โดยมีปัจจัยกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และการสนับสนุนจากภาษีชั่วคราว (Tariff Support) ที่มีผลต่อมาร์จิ้นในระยะสั้น ในส่วนของกำไรสุทธิ Adjusted NP Margin ใน Q3 อยู่ที่ 19.6% ลดลงจาก 23.4% ใน 3Q24 เนื่องจากการปรับรายการ Reverse Inventory Provision ของปี 2024 ประมาณ 80 ล้านบาท โดยตลาดสหรัฐฯ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโต ขณะที่ยุโรปและ AOA มีช่องว่างในการเติบโตที่แคบลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และ QoQ ดีขึ้น การเติบโตในสหรัฐฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการ Front-load จากภาษี (US Tariff) และยอดขายกลับมาเติบโตอีกครั้ง

ในด้านภูมิภาคและพอร์ตสินค้า สหรัฐฯ เติบโตเด่นที่ 19.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็น 57% ของยอดขายทั้งหมด โดยสินค้ากลุ่ม Global Brand และ Dry/Real Products สนับสนุนการเติบโตนี้ ส่วนยุโรปเติบโตทั้ง YoY และ QoQ โดยเน้นที่การทำตลาดใน Western/European Vision และราคาที่ไปด้วยกันได้ ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย (AOA) ยังคงติดลบจากไตรมาสแรกที่อ่อนแอ แต่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องใน QoQ สำหรับหมวด Cat Food ลดลงเหลือ 68% จากการเติบโตของ Dog Food และ Treat ส่วนพอร์ตลูกค้าก็มีความแข็งแกร่ง โดยมี Global Brand คิดเป็น ~50% ของพอร์ตใน 9 เดือน และลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นจาก ~26 เป็น ~38 ราย โดยสินค้าพรีเมียมและ Treat เป็นแรงหนุนหลักในการเติบโต

คาดผลประกอบการจะเติบโตในครึ่งปีหลังและปีหน้าเริ่มเป็นบวก

แนวโน้มผลประกอบการ 4Q25F อาจจะอ่อนตัว QoQ เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เกินความคาดหมายใน Q3 สำหรับคาดภาพรวมยังดีตามฤดูกาล ออร์เดอร์ Treat ยังคงสูงส่งผลให้สินค้า Premium Mix ยังอยู่ระดับดี แต่บริษัทต้องบริหารซัพพลาย/ขนส่ง/lead time เราคงประมาณการกำไรปี 2025F ที่ 3.05 พันล้านบาท (-15% YoY) และปี 2026F ที่ 3.25 พันล้านบาท (+7% YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจากตลาดอเมริกาที่ดีกว่าคาด จากการปรับ product mix ได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่มากขึ้น แม้ว่า ASP จะลดลง ขณะที่ตลาดยุโรปและเอเชียคาดว่าปริมาณขายและ ASP จะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

เรายังคงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท อ้างอิง PER forward 17x ปัจจุบันซื้อขาย PER26F 15.8x และ Dividend Yield 26F 5.1% ปัจจัยบวกคือความชัดเจน US tariff และแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นตั้งแต่ 2026F จากความยืดหยุ่นในการพัฒนาสินค้า สถานะการเงินเป็น net cash ความเสี่ยงหลักคือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการเจรจาต่อรองราคาลูกค้าหลังต้นทุนเพิ่มจาก US tariff

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

LEO สุดสตรอง! คว้า CGR 4 ดาว สะท้อนองค์กรธรรมาภิบาลแข็งแกร่ง

LEO สุดสตรอง! คว้า CGR 4 ดาว สะท้อนองค์กรธรรมาภิบาลแข็งแกร่ง

WASH เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก

WASH เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้