Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

106

 

 

หุ้น VALUE เริ่มเด่นแซงหุ้น GROWTH
HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงราว -0.2% ถึง – 1.6% โดยมีปัจจัยกดดัน 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ SENTIMENT ต่อเนื่องในท่าทีของ FED ที่ไม่ชัดเจนต่อการปรับลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. 68 (BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ ดีดขึ้นแตะ 4.1%) รวมถึงเกดแรงเทขายในหุ้น กลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ โดยเฉพาะ META -11.3% หลังประกาศแผนการใช้จ่าย มหาศาลด้าน AI
• อย่างไรก็ดี ปัจจัยแวดล้อในประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน มีแนวโน้ม คลายตึงเครียดลง หลัง ปธน. ทรัมป์และสี จิ้นผิงบรรลุข้อตกลงพักรบทางการค้าเป็น เวลา 1 ปี (ซื้อเวลาชั่วคราว)
• ผลการประชุมธนาคารกลางรอบเดือน ต.ค. 68 ล่าสุด BOJ และ ECB มีมติคง ดอกเบี้ยตามคาด (สวนทางกับ FED ที่เพิ่งลดดอกเบี้ยไป)

 

REGION RADAR
• หุ้นในกลุ่ม MAG7 เริ่มเห็นการถูกปรับประมาณการกำไรลงหลังจาก ที่ประกาศงบไตรมาส 3 นำโดย TESLA และ META ขณะที่ APPLE, MICROSOFT และ ALPHABET ได้รับการปรับประมาณการกำไรขึ้น
• ESTEE LAUDER และ ELI LILLY รายงานผลประกอบการออกมา แข็งแกร่ง โดย ESTEE LAUDER มีรายได้จากจีนพลิกกลับมาเติบโต ในรอบ 2 ปี ขณะที่ ELI LILLY สามารถเพิ่ม MARKET SHARE ใน ตลาดยาเบาหวาน GLP-1 ได้อย่างต่อเนื่อง แนะนำเก็งกำไร ESTEE80 และ LLY80

 

THAI FOCUS
• คลังปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้น จาก 2.2% เป็น 2.4% จากหลายปัจจัย สนับสนุน ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะ โครงการ คนละครึ่ง พลัส + การเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึง ภาคการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวดี ซึ่งน่าจะลดความสุ่มเสี่ยง การเกิด TECHNICAL RECCESSION ในช่วงครึ่งปีหลังได้
• กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่ม ธพ. กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม กลุ่มท่องเที่ยว-การบิน เป็นต้น

 

SYNAPSE STRATEGY
• กระแส FED ลดดอกเบี้ยลดลง หนุนให้ BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 วัน +13 BPS. ซึ่งในภาวะแบบนี้ หุ้นกลุ่ม VALUE มักจะปรับขึ้นดีกว่าหุ้น GROWTH
• ส่วนแนวโน้ม TRAILING P/E ตลาดหุ้นไทยจะลงมาถูกในช่วง 3 – 4 เดือน ต่อจากนี้ หากกำไรงวด 3Q68 และ 4Q68 กลับสู่ภาวะปกติราว 2.5 – 2.6 แสนล้านบาท จะหนุนให้ TRAILING P/E มีโอกาสทยอย ลดลงจาก 17 เท่า ณ สิ้น 2Q68 เหลือ 14 เท่า ณ สิ้น 4Q68

 

HORIZON MARKET VIEW
ทิศทางดอกเบี้ยยังไม่แน่นอน
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงราว -0.2% ถึง – 1.6% โดยมีปัจจัยกดดัน 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ SENTIMENT ต่อเนื่องในท่าทีของ FED ที่ไม่ชัดเจนต่อการปรับลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. 68 (BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ ดีดขึ้น แตะ 4.1%) รวมถึงเกดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ โดยเฉพาะ META -11.3% หลังประกาศแผนการใช้ จ่ายมหาศาลด้าน AI ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ได้แก่ ALPHABET, META, และ MICROSOFT ใช้จ่ายเงินทุน (CAPITAL EXPENDITURES) รวมกันกว่า 78 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 89%YOY เนื่องจาก แผนสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อรองรับ AI

 

อย่างไรก็ดี ปัจจัยแวดล้อในประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน มีแนวโน้มคลายตึงเครียดลง หลัง ปธน. ทรัมป์และสี จิ้นผิงบรรลุข้อตกลงพักรบทางการค้าเป็นเวลา 1 ปี (ซื้อเวลาชั่วคราว) สำหรับข้อตกลงจากสหรัฐฯ จะ ลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนลงเหลือ 47% จากเดิม 57%, ตัดสินใจปรับลดภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิล ให้กับจีนลงเหลือ 10% จากเดิม 20% โดยมีผลบังคับใช้ในทันที, ระงับกฎควบคุมบริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำ ขณะที่ ข้อตกลงจากจีน จะระงับการออกใบอนุญาตแร่หายากเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี, จะกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ , จะทำงานอย่างหนักเพื่อหยุดยั้งเฟนทานิล

 

อีกประเด็น คือ ผลการประชุมธนาคารกลางรอบเดือน ต.ค. 68 ล่าสุด BOJ และ ECB มีมติคงดอกเบี้ยตามคาด (สวนทางกับ FED ที่เพิ่งลดดอกเบี้ยไป)

 

• BOJ เสียงแตก 7:2 มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% แต่เปิดทางสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 68 หรือ ม.ค. 69 เพื่อกดดันเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมาย ซึ่งในระยะข้างหน้าอาจหนุนให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นและ กดดันดอลลาร์อ่อนค่าลงในเชิงเปรียบเทียบ
• ECB มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.0% มองเศรษฐกิจยูโรโซนยังมีความแข็งแกร่ง แม้เผชิญแรงกดดันจากภาษี ของสหรัฐฯ พร้อมส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย แต่แรงกดดันจากภายนอกอาจทำให้ต้องผ่อนคลาย ในปี 2026

 

REGION RADAR

กลุ่ม MAG7 เริ่มเห็นบางบริษัทถูกปรับประมาณการกำไรลง
หุ้นในกลุ่ม MAG7 เริ่มมีการถูกปรับประมาณการกำไรลงหลังจากที่ประกาศงบไตรมาส 3 นำโดย TESLA และ META ขณะที่ APPLE, MICROSOFT และ ALPHABET ยังได้รับการปรับประมาณการกำไรขึ้น

 

ESTEE LAUDER รายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าคาดรายได้กลับมาเติบโต
บริษัทรายงานรายได้รวมอยู่ที่ $3.48 พันล้าน +3% YOY (สูงกว่าคาด 2.7%) ขณะที่ EPS อยู่ที่ $0.32 +128% YOY (สูงกว่าคาด 71%) โดยหนุนจากธุรกิจน้ำหอมที่เติบโตค่อนข้างดี นำโดย JO MALONE และยอดขายในจีน +9% YOY ซึ่งกลับมาเติบโตครั้งแรกในรอบ 2 ปี ด้าน OUTLOOK ของปีบัญชี 2026 ผู้บริหารยังคงเป้าหมายการ เติบโตของรายได้ที่ระดับ 0%-3% YOY และ EPS อยู่ที่ $1.9-$2.1

 

แนะนำเก็งกำไร ESTEE LAUDER (DR: ESTEE80) หลังบริษัทรายงานผลประกอบการแข็งแกร่ง โดยเฉพาะรายได้ ของจีนที่กลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี นอกจากนี้ แนวโน้มในไตรมาสถัดไปยังคาดจะเติบโตได้ต่อเนื่อง

 

รายได้รวมอยู่ที่ $1.76 หมื่นล้าน +53% YOY (สูงกว่าคาด 9.5%) ขณะที่ EPS อยู่ที่ $7.0 +494% YOY (สูงกว่า คาด 22.9%) ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้หนุนจากยอดขายยา MOUNJARO ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นสู่ ระดับ $6.5 พันล้าน และยอดขายยา ZEPBOUND เพิ่มขึ้นสู่ระดับ $3.6 พันล้าน นอกจากนี้ ส่วนแบ่งตลาดยา เบาหวาน GLP-1 ใน สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 57.9% (จากไตรมาสก่อนที่ 57%)

 

แนะนำเก็งกำไร ELI LILLY (DR: LLY80) จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากยอดขายยาลดน้ำหนักและยารักษา เบาหวาน อีกทั้งบริษัทยังสามารถเพิ่ม MARKET SHARE ในตลาดยาเบาหวาน GLP-1 ได้อย่างต่อเนื่อง สวน ทางกับคู่แข่งอย่าง NOVO NORDISK ที่มี MARKET SHARE ลดลง

 

THAI FOCUS

คลังปรับเป้า GDP ปีนี้ขึ้น จาก 2.2% เป็น 2.4% หนุนการเกิด TECHNICAL RECCESSION น้อยลง
สศค.ปรับคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2568 จะขยายตัว +2.4YOY จากเดิมที่คาดไว้ +2.2%YOY จากหลายปัจจัยสนับสนุน ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ คนละครึ่ง พลัส + การเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ + มาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ซึ่งช่วยหนุนการบริโภค ภาคเอกชนในไตรมาส 4, ภาคการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยคาดว่าส่งออกในสกุลเงินดอลลาร์จะขยายตัว ได้ราว +10.0%YOY ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ และจีน ซึ่งหาก GDP ปีนี้โต 2.4%YOY จะหนุน ให้ GDP(QOQ) รายไตรมาส 3-4 จะไม่ติดลบ ซึ่งหนุนการเกิด TECHNICAL RECCESSION น้อยลง ซึ่งกลุ่มหุ้น ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่ม ธพ. กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม กลุ่ม ท่องเที่ยว-การบิน เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตามอาจต้องระวังการเติบโตของ GDP ในปี 2569 ที่ สศค.ประเมิน +2.0% เท่านั้น ตามการส่งออกอาจ ติดลบ (-1.5%YOY) ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการเติบโต ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าควรระมัดระวัง “แรงหนุน ชั่วคราว” และหาจังหวะเตรียมแผนรองรับในระยะกลาง-ยาว

 

SYNAPSE STRATEGY

5 หุ้นน่าทยอยสะสม ในช่วงที่ต่างชาติจะเห็นหุ้นไทยถูกลงเรื่อยๆ
กระแส FED ลดดอกเบี้ยลดลง หลังล่าสุดท่าทีของ PAWELL เหมือนจะไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบ ธ.ค.68 จากอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าเป้าหมาย หนุนให้ BOND YIELD 10Y สหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 วัน +13 BPS. ซึ่ง โดยปกติแล้ว ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เวลา BOND YIELD 10Y สหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น หุ้นกลุ่ม VALUE มักจะปรับ ขึ้นดีกว่าหุ้น GROWTH

 

ขณะที่ในอดีต 10 ปีย้อนหลัง เวลาต่างชาติซื้อตราสารหนี้ไทยเยอะๆ มักจะเห็นเม็ดเงินวนมาหนุน SET INDEX ให้ ปรับตัวขึ้นในระยะถัดไป ซึ่งภาวะปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยในเดือนนี้กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท ดังนั้น จึงเริ่มเห็นต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ +486 ล้านบาท และในมุม VALUATION ด้าน PE ของ SET INDEX ถือว่าน่าสนใจ โดยแนวโน้ม TRAILING P/E ตลาดหุ้นไทยจะลงมาถูกในช่วง 3 – 4 เดือน ต่อจากนี้ จาก เหตุผล คือ กำไรงวด 3Q67 และ 4Q67 อยู่ในฐานที่ต่ำ ซึ่งหนุน TRAILING P/E อยู่ระดับ 17.0 เท่า ซึ่งหากกำไร งวด 3Q68 และ 4Q68 กลับสู่ภาวะปกติราว 2.5 – 2.6 แสนล้านบาท จะหนุนให้ TRAILING P/E มีโอกาสทยอย ลดลงจาก 17 เท่า ณ สิ้น 2Q68 เหลือ 14 เท่า ณ สิ้น 4Q68 และหากหัก DELTA ที่มี PE เกิน 100 เท่าออก จะ เหลือ PE เพียง 12 เท่า เท่านั้น

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ : 5 หุ้นน่าทยอยสะสม ในช่วงที่ต่างชาติน่าจะเห็นหุ้นไทยถูกลงเรื่อยๆ

▪ CPF มี P/E 6 เท่า หมดเจ ราคาหมูเริ่มฟื้น
▪ WHA มี P/E 9 เท่า รับกระแส TARIFF ดีขึ้น
▪ OR ค่า P/E จะลดลงเร็ว จากฐาน 3Q67 ขาดทุน และอาจกลับเข้า MSCI LARGE CAP. (รอบเร็วสุด เช้า 6 พ.ย.68)
▪ OSP ค่า P/E จะลดลงเร็ว จากฐาน 3Q67 ขาดทุน เหลือ 13 เท่า ได้ประโยชน์จาก โครงการคนละครึ่ง
▪ BANPU ราคา LAGGARD ราคาอ้างอิง TENDER หุ้น BPP

 

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคองกันไป By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าวันนี้ หุ้นใหญ่ แต่ละตัว ทำงาน ทำหน้าที่ แบบประคองกันไป แบบทั้งผลักและดัน หนุน .....

ลุ้นปิดสวย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม วันนี้ แอบลุ้น ทั้ง SET และ หุ้นหลายตัว น่าจะปิดสวย ทำให้นักลงทุน มีความหวัง เพือเป็นแรงใจ สู้ต่อ....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้