ปัจจัยบวก-ลบสวนทาง หนุนตลาดผันผวน

HORIZON MARKET VIEW
• ผลการประชุม FED รอบเดือน ต.ค. 68 เสียงแตก 10:2 มีมติปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. สู่ระดับ 4.0% พร้อมกับประกาศยุติการลดขนาดงบดุล (QT) มีผลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 68 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดภาระหนี้สหรัฐฯ (BOND YIELD ระยะยาวมีโอกาสย่อตัวลง) และเพิ่มสภาพคล่องในระบบ (ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า GDP สหรัฐ และ MARKET CAP ตลาดหุ้นสหรัฐมาก
• ตลาดการเงินรับรู้การประชุมครั้งนี้เอนเอียงไปทาง “HAWKISH” แม้จะลดดอกเบี้ยและ ยุติ QT ก็ตาม โดยคาดโอกาสที่ FED จะคงดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 68 มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เป็น 67.8% (เดิม 9.1%)
• สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) ระบุว่า GOVERNMENT SHUTDOWN ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อสหรัฐฯ แล้วอย่างน้อย 18,000 ล้านดอลลาร์

 

REGION RADAR
• วานนี้หุ้นในกลุ่ม MAG7 มีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดโดย ALPHABET หนุนจากทุก หน่วยธุรกิจหลักของบริษัทมีการเติบโตอย่างน้อย “DOUBLE DIGIT” เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แนะนำเก็งกำไร GOOG80
• สำหรับวันนี้ ESTEE LAUDER จะมีการรายงานผลประกอบการไตร มาส 3 ฝ่ายวิจัยฯ คาดรายได้ในจีนมีแนวโน้มกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังยอดขายผ่านทางช่องทางออนไลน์ของจีนอย่าง TMALL และ DOUYIN เติบโตในไตรมาส 3 แนะนำเก็งกำไร ESTEE80

 

THAI FOCUS
• ทรัมป์ พบ สี จิ้นผิง วันนี้ เพื่อหารือและยุติความตึงเครียดระหว่างกัน ข้อตกลงเบื้องต้นครอบคลุมการควบคุมการส่งออก, การระงับภาษี, มาตรการเกี่ยวกับ FENTANYL และค่าธรรมเนียมสินค้าจีนไปสหรัฐฯ
• ส่วนไทย หลังครม.รับทราบลงนาม MOU "แร่ RARE EARTH" ไทยสหรัฐฯ คาดหวังช่วยเปิดโอกาสเจรจาลดภาษีศุลกากรสหรัฐฯ (19%) และคาดหวังให้จีนซื้อข้าวไทยประมาณ 500,000 ตัน ซึ่งน่าจะเป็นจุด เปลี่ยนที่ดีของเศรษฐกิจไทยต่อการเติบโตในอนาคต

 

SYNAPSE STRATEGY
• กระแส FED ลดดอกเบี้ยลดลง หนุนให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ระยะถัดไป แต่ช่วงสั้น ยังเห็นค่าเงินบาทแข็งค่า หลังจากวานนี้ต่างชาติ ชาติซื้อตราสารหนี้ไทยสูง 2.4 หมื่นล้านบาท (สูงสุดรอบ 5 เดือน)
• ในอดีต 10 ปีย้อนหลัง เวลาต่างชาติซื้อตราสารหนี้ไทยเยอะๆ มักจะ เห็นเม็ดเงินวนมาหนุน SET INDEX ให้ปรับตัวขึ้นในระยะถัดไป กล ยุทธ์แนะนำ หุ้นรับบาทอ่อน TARIFF ผ่อนคลาย CPF, TU, WHA, AMATA หุ้นกระแสคนละครึ่งดี CPAXT, BJC, ICHI หุ้นหมดเทศกาล กินเจ CPF, BTG, TFG

 

HORIZON MARKET VIEW

ทิศทางดอกเบี้ยยังไม่แน่นอน
ผลการประชุม FED รอบเดือน ต.ค. 68 เสียงแตก 10:2 มีมติปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. สู่ระดับ 4.0% ทั้งนี้มี กรรมการ 2 ท่านโหวตค้าน ได้แก่ STEPHEN MIRAN เสนอให้ลดดอกเบี้ย 50 BPS. และ JEFFREY SCHMID เสนอให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%

 

สำหรับท่าทีของประธาน FED เน้นย้ำความกังวลต่อเงินเฟ้อและยังไม่ได้ให้คำมั่นว่าเดือน ธ.ค. 68 จะลดดอกเบี้ย อีก รวมถึงใช้ถ้อยคำที่เน้นความ "ระวัง" และเปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงทิศทาง หากข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคต เปลี่ยนไป

 

นอกจากนี้ FED ยังประกาศยุติการลดขนาดงบดุล (QT) มีผลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 68 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดภาระหนี้ สหรัฐฯ (BOND YIELD ระยะยาวมีโอกาสย่อตัวลง) และเพิ่มสภาพคล่องในระบบ (ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า GDP สหรัฐ และ MARKET CAP ตลาดหุ้นสหรัฐมาก)

 

ตลาดฯ รับรู้การประชุมครั้งนี้เอนเอียงไปทาง “HAWKISH” แม้จะลดดอกเบี้ยและยุติ QT ก็ตาม โดยคาดโอกาสที่ FED จะคงดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. 68 มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 67.8% (เดิม 9.1%) ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้น DOW JONES ย่อตัวลราว -0.16% สวนทางกับ BOND YIELD สหรัฐฯ ที่ดีดตัวเกิน 2% รวมถึง DOLLAR INDEX พลิกแข็งค่าขึ้น 0.6% ยืนเหนือ 99 จุด

 

อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ ผลกระทบของ GOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ โดยผลสำรวจของ POLYMARKETเผยว่าอาจลากยาวเกินวันที่ 16 พ.ย. 68 ทั้งนี้สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) ระบุ ว่า GOVERNMENT SHUTDOWN ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อสหรัฐฯ แล้วอย่างน้อย 18,000 ล้าน ดอลลาร์ พร้อมประเมินว่าจะมีเม็ดเงินสูญหายที่ไม่สามารถกู้คืนได้อยู่ระหว่าง 7,000 – 14,000 ล้านดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการปิดหน่วยงาน

 

GDP GROWTH สหรัฐฯ ใน 4Q68 อาจต่ำลง 1% ซึ่งในกรณี SHUTDOWN ลากยาวถึง 6 สัปดาห์ เสี่ยงกดดัน เศรษฐกิจ 1.5% (28,000 ล้านดอลลาร์) และหากลากยาวถึง 8 สัปดาห์ เสี่ยงกดดันเศรษฐกิจ 2% (39,000 ล้าน ดอลลาร์) นอกจากนี้ คาดการณ์ข้าราชการ 650,000 คน ถูกพักงาน หากนับรวมอาจดันอัตราว่างงานขึ้นได้ถึง 0.4%

 

REGION RADAR

หุ้นกลุ่ม MAG7 เมื่อวานนี้รายงานผลประกอบการออกมาสูงกว่าคาด นำโดย ALPHABET
วานนี้หุ้นในกลุ่ม MAG7 เริ่มมีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 โดย ALPHABET ออกมาแข็งแกร่งรายได้ รวมอยู่ที่ $1.02 แสนล้าน +16% YOY (สูงกว่าคาด 2.5%) ขณะที่ EPS อยู่ที่ $2.9 +35% YOY (สูงกว่าคาด 26.5%) หนุนจากทุกหน่วยธุรกิจหลักของบริษัทมีการเติบโตอย่างน้อย “DOUBLE DIGIT” เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน มา ด้าน MICROSOFT รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกันรายได้รวมอยู่ที่ $7.76 หมื่นล้าน +18% YOY (สูงกว่าคาด 2.8%) ขณะที่ EPS อยู่ที่ $3.7 +13% YOY (สูงกว่าคาด 1.1%) บริษัทประกาศงบ CAPEX ใน ไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ $3.49 หมื่นล้าน จากเดิม $2.42 หมื่นล้านในไตรมาสก่อนหน้า เพื่อรองรับการขยาย โครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างมาก นอกจากนี้ META รายงานรายได้รวมอยู่ที่ $5.1 หมื่นล้าน +26% YOY (สูงกว่า คาด 3.3%) โดย EPS อยู่ที่ $1.08 -82% YOY จากผลกระทบของภาระภาษีแบบครั้งเดียว (ONE-TIME TAX CHARGE) มูลค่า $1.59 หมื่นล้าน หากไม่รวมค่าใช้จ่ายด้านภาษีที่เพิ่มขึ้นมา EPS จะอยู่ที่ $7.2 +20% YOY (สูง กว่าคาด 7.5%)

 

แนะนำเก็งกำไร GOOG80 หลังผลประกอบการของ ALPHABET ในไตรมาส 3 ดูเติบโตเด่นสุดในกลุ่มโดยมีการ เติบโตที่แข็งแกร่งในทุกธุรกิจหลัก

 

สำหรับวันนี้ ESTEE LAUDER จะมีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ฝ่ายวิจัยฯ คาดรายได้ในจีนมีแนวโน้ม กลับมาเติบโตในไตรมาสนี้หลังยอดขายผ่านทางช่องทางออนไลน์ของจีนอย่าง TMALL/TAOBAO และ DOUYIN พบว่ายอดของเครื่องสำอางของแบรนด์ESTEE LAUDER ในไตรมาส 3 มีการเติบโต YOY

 

ด้าน BLOOMBERG ได้คาดการณ์รายได้เครื่องสำอางค์ของ ESTEE LAUDER จะกลับมาเติบโตในไตรมาส 3 เช่นกัน แนะนำเก็งกำไร ESTEE80

 

THAI FOCUS

ปัจจัยในประเทศดูดี ... ลุ้นช่วยผลักดันเศรษฐกิจ หุ้นอะไรได้ประโยชน์บ้าง
วันนี้ทรัมป์ มีกำหนดพบกับ สี จิ้นผิง ในวันนี้ เวลา 11.00 น.เพื่อหารือและยุติความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ข้อตกลงจะครอบคลุมการควบคุมการส่งออก, การระงับภาษี, มาตรการเกี่ยวกับ FENTANYL และ ค่าธรรมเนียมสินค้าจีนไปสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ จะยกเว้นภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน ส่วนจีนจะสั่งซื้อถั่วเหลือง ของสหรัฐฯ + คาดว่าจะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการส่งออกแร่ RARE EARTH ออกไปประมาณ 1 ปี

 

ส่วนประเทศไทย หลังครม.รับทราบลงนาม MOU "แร่ RARE EARTH" ไทย-สหรัฐฯ คาดหวังช่วยเปิดโอกาส เจรจาลดภาษีศุลกากรสหรัฐฯ (19%) และคาดหวังให้จีนซื้อข้าวไทยประมาณ 500,000 ตัน(ตั้งแต่ต้นปีไทยส่งออก ไปจีนราว410,000 ตัน เพิ่มขึ้น 125%YOY)ซึ่งน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีของเศรษฐกิจไทยต่อการเติบโตในอนาคต อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังมีแรงเสริมจากนโยบายภาครัฐฯ อาทิโครงการคนละครึ่ง พลัส ที่เริ่มใช้จ่ายวันแรกก็มีเม็ด เงินสะพัดกว่า 500 ล้านบาท โดยรวมคาดช่วยกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2-0.3% ซึ่งน่าจะเป็นแรงพยุงให้เศรษฐกิจ ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ โดยไม่เกิด TECHNICAL RECESSION ขณะที่ระยะถัดไป นายกฯและโฆษกรัฐบาลระบุว่า เฟส 2 จะเปิดโอกาสให้กลุ่มที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ในรอบที่ 1 ซึ่งอาจเริ่มต้นโครงการในช่วงเดือน ม.ค.69 ซึ่งน่าจะเป็นตัวเร่ง ที่ดีต่อเศรษฐกิจในช่วงต้นปี ซึ่งหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ICHI, CBG, SAPPE, BEM, BTS, TNP, KK เป็นต้น

 

SYNAPSE STRATEGY

เม็ดเงินไหลเข้าตราสารหนี้ไทยหนาแน่น หลังไหลเข้าตลาดหุ้นระยะถัดไป
กระแส FED ลดดอกเบี้ยลดลง หนุนให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าระยะถัดไป แต่ช่วงสั้นๆ ยังเห็นค่าเงินบาทแข็ง ค่า หลังจากวานนี้ต่างชาติชาติซื้อตราสารหนี้ไทยสูง 2.4 หมื่นล้านบาท (สูงสุดรอบ 5 เดือน)

 

ในอดีต 10 ปีย้อนหลัง เวลาต่างชาติซื้อตราสารหนี้ไทยเยอะๆ มักจะเห็นเม็ดเงินวนมาหนุน SET INDEX ให้ปรับตัว ขึ้นในระยะถัดไป

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ :
▪ หุ้นรับบาทมีโอกาสอ่อนระยะถัดไป รวมถึงรับกระแสหวังอัตราภาษี TARIFF ลดลง CPF, TU, WHA, AMATA
▪ หุ้นกระแสคนละครึ่งดี CPAXT, BJC, ICHI
▪ หุ้นหมดเทศกาลกินเจ CPF, BTG, TFG

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์