SET ดูเหมือนขึ้น แต่ไม่ขึ้น
HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับยังตัวขึ้นต่อราว 0.3% - 0.8% โดยหุ้นกลุ่มเทคฯ ช่วย ดันตลาดขึ้นสู่จุด ALL TIME HIGH จากความคาดหวังว่า AI จะยังคงเป็นแรง ขับเคลื่อนรายได้ อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากหุ้นเฉพาะตัว อาทิ MICROSOFT ได้ สัดส่วนการถือหุ้น 27% ใน OPENAI มูลค่าประมาณ 135 พันล้านดอลลาร์ และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือใหม่ในเทคโนโลยีควอนตัมและ AI
• อีกประเด็นที่ช่วยหนุนตลาดหุ้น คือ ความคาดหวัง FED จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.00% ในการประชุมวันที่ 29 ต.ค. นี้ และมีแนวโน้มสูงว่าจะประกาศยุติ การลดขนาดงบดุล (QT) ตั้งแต่เดือน พ.ย. 69
• นอกจากนี้ในการประชุม APEC ยังมีความคาดหวังการพบกันระหว่าง ปธน. ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง จะเป็นไปในทิศทางที่ดี
REGION RADAR
• ล่าสุดผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทในดัชนี S&P500 รายงานกว่า 57 บริษัท (จากทั้งหมด 500 บริษัท) เติบโต 13% YOY ซึ่งใกล้เคียงกับ สถิติย้อนหลังในอดีต
• วานนี้ VISA (NYSE: V) รายงานรายได้งวด 4Q68 (สิ้นสุด ก.ย.) เติบโต 12% YOY สู่ 10.72 พันล้านเหรียญ, EPS $2.98 (สูงกว่าคาด เล็กน้อย) เพิ่มเงินปันผลเป็น $0.67/หุ้น สะท้อนความมั่นใจในกระแส เงินสดและแนวโน้มธุรกิจ และมีปัจจัยหนุนต่อจาก FED มีโอกาสลด ดอกเบี้ยในคืนนี้ แนะนำ VISA80 รวมถึงยังชอบหุ้นประกัน AIA23
THAI FOCUS
• ปัจจัยในประเทศดูดี ลุ้นช่วยผลักดันเศรษฐกิจ ทั้งการลงนาม MOU "แร่ RARE EARTH" ไทย-สหรัฐฯ ช่วยเปิดโอกาสเจรจาลดภาษี ศุลกากรสหรัฐฯ (19%) และโครงการคนละครึ่ง พลัส พร้อมแล้ว เริ่มใช้ วันนี้เป็นวันแรก จนถึง 31 ธ.ค.68
• โดย 5 เฟสที่ผ่านมา(2563 –2565) ใช้งบประมาณรวม 224,000 ล้าน บาท กระตุ้น GDP ราว 1.15% ซึ่งหากรอบนี้ใช้งบประมาณราว 44000 ล้านบาท คาดช่วยกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2-0.3% ซึ่งน่าจะเป็นแรงพยุง ให้เศรษฐกิจไทยไม่เกิด TECHNICAL RECESSION
SYNAPSE STRATEGY
• 1 เดือนที่ผ่านมา SET เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ใส้ในมีหุ้นกว่า 41% ของดัชนีกลับทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 1 เดือน เช่นเดียวกับดัชนี SET100 แม้ +3% แต่มีหุ้นลบสูงถึง74 ตัว (เฉลี่ย -3.7%ต่อตัว)
• นักลงทุนกลับมากังวลเศรษฐกิจโตช้า, ประเด็น SCAMMER วนเวียน รบกวนการเมืองไม่นิ่ง รวมถึงมีประเด็น INSIDER TRADING กลยุทธ์ แนะนำทยอยสะสมหุ้นมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัวในช่วงที่เหลือของปี SCGP, WHA, CPAXT, GULF, BPP, BLA
HORIZON MARKET VIEW
หุ้นกลุ่มเทคฯ ยังช่วยดันตลาดในช่วงนี้
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับยังตัวขึ้นต่อราว 0.3% -0.8% โดยหุ้นกลุ่มเทคฯ ช่วยดันตลาดขึ้นสู่จุด ALL TIME HIGH จากความคาดหวังว่า AI จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนรายได้ อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากหุ้นเฉพาะตัว อาทิ MICROSOFT ได้สัดส่วนการถือหุ้น 27% ใน OPENAI มูลค่าประมาณ 135 พันล้านดอลลาร์ และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือใหม่ในเทคโนโลยีควอนตัมและ AI
อย่างไรก็ตาม แม้ AI ยังเป็นธีมหลัก แต่ยังควรจับตาความสามารถในการบริหารต้นทุนของบริษัทเทคโนโลยี และ ผลตอบแทนจากการลงทุนใน AI ว่าจะสร้างกำไรจริงหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อที่จะปิดช่องว่างระหว่างสัดส่วน MARKET CAP ของหุ้นเทคฯ ในดัชนี S&P 500 กับสัดส่วนกำไรสุทธิอาจจะต้องเห็นกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ เติบโตราว +40% หรือ หุ้นกลุ่มเทคฯ จะต้องร่วงลงราว -29%
อีกประเด็นที่ช่วยหนุนตลาดหุ้น คือ ความคาดหวัง FED จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.00% ในการ ประชุมวันที่ 29 ต.ค. นี้ และมีแนวโน้มสูงว่าจะประกาศยุติการลดขนาดงบดุล (QT) ตั้งแต่เดือน พ.ย. 69 เพื่อเตรียม รับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลและข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้า
นอกจากนี้ในการประชุม APCE ยังมีความคาดหวังการพบกันระหว่าง ปธน. ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง จะเป็นไปใน ทิศทางที่ดี ซึ่งการเจรจาเหล่านี้อาจนำไปสู่การลดภาษี การขยายเวลาการพักสงครามการค้า และการฟื้นฟู ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
REGION RADAR
EPS ของดัชนี S&P 500 โตเด่นในไตรมาส 3
จากสถิติในอดีตที่ผ่านมา พบว่า ในช่วงไตรมาส 3 เป็นไตรมาสที่ EPS ของดัชนี S&P500 เติบโตดีที่สุด และมีการ เติบโตเฉลี่ยที่ระดับ 7.8% QOQ และ 14% YOY
ล่าสุดผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทในดัชนี S&P500 รายงานกว่า 57 บริษัท (จากทั้งหมด 500 บริษัท) เติบโต 13% YOY ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติย้อนหลัง
VISA รายงานผลประกอบการออกมาโอเค รับแรงหนุนจากดอกเบี้ยขาลงต่อ
วานนี้ VISA (NYSE: V) รายงานรายได้งวด 4Q68 (สิ้นสุด ก.ย.) เติบโต 12% YOY สู่ 10.72 พันล้านเหรียญ, EPS $2.98 (สูงกว่าคาดเล็กน้อย) เพิ่มเงินปันผลเป็น $0.67/หุ้น สะท้อนความมั่นใจในกระแสเงินสดและแนวโน้ม ธุรกิจ
ขณะที่ FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยในคืนนี้สะท้อนจาก BOND YIELD 10 ปี สหรัฐ ลงมาต่ำกว่า 4% หนุนให้ ส่วน ต่าง BOND YIELD 10 ปี ประเทศในแถบเอเชีย อย่าง จีน แคบลงเรื่อยๆ จากความคาดหวังนโยบายการคลังของ จีนที่ทยอยออกมากระตุ้นต่อเนื่อง รวมถึงประเด็น TARIFF ดีขึ้น ดังนั้นวันนี้ ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำ VISA80 และหุ้น ประกันในจีนอย่าง AIA23
THAI FOCUS
ปัจจัยในประเทศดูดี ... ลุ้นช่วยผลักดันเศรษฐกิจ
ครม.รับทราบลงนาม MOU "แร่RARE EARTH" ไทย-สหรัฐฯ หลังที่ประชุมนัดพิเศษอนุมัติเมื่อ 23 ต.ค.68โดย เป็นกรอบความร่วมมือ(ไม่ใช่สัญญาผูกมัด) เปิดทางให้ไทยพัฒนาแร่ RARE EARTH และเทคโนโลยีใหม่ แต่ยังอยู่ ภายใต้กฎหมายไทยทุกขั้นตอน ซึ่งน่าจะมีผลทางยุทธศาสตร์เชิงบวก ช่วยเปิดโอกาสเจรจาลดภาษีศุลกากร สหรัฐฯ (19%) และยกระดับมาตรฐานเพื่อเข้า OECD ได้ ซึ่งต้องติดตามผลลัพธ์ว่าจะออกมาดังที่ไทยหวังไว้ หรือไม่ ส่วนอีก 1 ประเด็น คือ โครงการคนละครึ่ง พลัส พร้อมแล้ว เริ่มใช้วันแรก 6 โมงเช้าวันนี้จนถึง 31 ธ.ค.68 (สำหรับร้านค้าฟู้ดเดลิเวอรี เริ่มใช้วันแรก 7 พ.ย.68 เวลา 06.00-21.00 น.) โดยสินค้าและบริการที่ใช้สิทธิ์ได้คือ 4 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ 1.ร้านอาหารทั่วไป และ ฟู้ดเดลิเวอรี่2.ร้านโชห่วย, มินิมาร์ท, ร้านขายของชำ, ตลาดสด 3. ตัดผม-เสริมสวย, สปา-นวด และบริการขนส่งสาธารณะ4.ร้านขายยา-เวชภัณฑ์พื้นฐาน เป็นต้น ซึ่งหุ้นที่คาดว่า จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น TNP, KK, ICHI, CBG, SAPPE, BEM, BTS, SPA เป็นต้น
ซึ่งฝ่ายวิจัยฯได้รวมโครงการคนละครึ่ง5 เฟสที่ผ่านมา(2563 –2565) แล้วพบว่างบประมาณรวมทั้ง5 เฟสกว่า 224,000 ล้านบาท กระตุ้น GDP ราว 1.15% ซึ่งหากรอบนี้ใช้งบประมาณราว 44000 ล้านบาท คาดช่วยกระตุ้น GDP ได้ราว 0.2-0.3% ซึ่งน่าจะเป็นแรงพยุงให้เศรษฐกิจผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ โดยไม่เกิด TECHNICAL RECESSION
SYNAPSE STRATEGY
SET ดูเหมือนขึ้น แต่ไม่ขึ้น
1 เดือนที่ผ่านมา SET เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ใส้ในมีหุ้นกว่า 41% ของดัชนีกลับทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 1 เดือน เช่นเดียวกับดัชนี SET100 แม้ +3% แต่มีหุ้นลบสูงถึง 74 ตัว (เฉลี่ย -3.7%ต่อตัว)
นักลงทุนกลับมากังวลเศรษฐกิจโตช้า, ประเด็น SCAMMER วนเวียนรบกวนการเมืองไม่นิ่ง รวมถึงมีประเด็น INSIDER TRADING กลยุทธ์แนะนำทยอยสะสมหุ้นมีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัวในช่วงที่เหลือของปี SCGP, WHA, CPAXT, GULF, BPP, BLA
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์