Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย การส่งออกไทยเดือนก.ย. 68 ขยายตัวสูงกว่าคาดถึง 19.0%YoY ทั้งปี 2568 ปรับคาดการณ์ส่งออกไทยขยายตัวเพิ่มเป็น 11.0% จาก 5.7%

95

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 ตุลาคม 2568 )-----• การส่งออกไทยเดือนก.ย. 2568 ขยายตัวสูงกว่าคาดที่ 19.0%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และทองคำเป็นสำคัญ ซึ่งหากหักการส่งออกสินค้าทั้ง 2 รายการดังกล่าว การส่งออกไทยเดือนก.ย.จะขยายตัวอยู่ที่ 4.9%YoY
 
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการภาพรวมการส่งออกไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 11.0% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 5.7% ในปี 2568 จากตัวเลขการส่งออกในเดือนก.ย. ที่ออกมาดีกว่าคาด และมุมมองการส่งออกในไตรมาส 4/2568 ที่ปรับดีขึ้น เนื่องจากการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าจะยังเร่งตัวต่อเนื่อง
 
• ในขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการนำเข้าไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10.3% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 5.0% ในปี 2568 จากการนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าจะขยายตัวตามการส่งออก ทั้งนี้ การปรับเพิ่มประมาณการส่งออกและนำเข้าไม่ได้ส่งผลให้ดุลการค้าและดุลการชำระเงินเปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ยังคงอยู่ที่ 1.8%
 
  • การส่งออกไทยเดือนก.ย. 2568 ขยายตัวสูงกว่าคาดที่0%YoY นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 42 เดือน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และทองคำเป็นสำคัญ ซึ่งหากหักการส่งออกสินค้าทั้ง 2 รายการดังกล่าว การส่งออกไทยเดือนก.ย.จะขยายตัวอยู่ที่ 4.9%YoY (รูปที่1)
    • การเร่งส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยในเดือนก.ย.ขยายตัว 6%YoY (contribution to growth 8%) เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า นำโดยการส่งออกคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์และชิ้นส่วน โดยการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปสหรัฐฯ ขยายตัวสูงที่ 67.1%YoY เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้า นอกจากนี้ การส่งออกยังได้แรงหนุนจากขาขึ้นของวัฎจักรเซมิคอนดักเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัวในหลายตลาดในภูมิภาค ได้แก่ อาเซียน จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ (รูปที่ 2)
    • การส่งออกทองคำตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก ส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูปเดือนก.ย. ขยายตัวสูงถึง 6%YoY (contribution to growth 6%) หนุนให้ราคาทองคำในช่วงเดือนก.ย. ยังทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสัดส่วน 80% ยังเป็นการส่งออกไปตลาดสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี แม้ราคาทองคำในเดือนต.ค. เริ่มชะลอลงแต่มองว่ายังอยู่ในระดับสูงเนื่องจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่และนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่ยังไม่แน่นอน จึงคาดว่าการส่งออกทองคำในช่วงที่เหลือของปียังจะเป็นแรงหนุนภาพรวมการส่งออกไทยที่สำคัญ
    • การส่งออกสินค้าที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) ยังไม่ชะลอตัวอย่างที่คาดการณ์ โดยการส่งออกสินค้าหลักในกลุ่มดังกล่าวไปสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ในเดือนก.ย. อาทิ เครื่องปรับอากาศ และอาหารสัตว์เลี้ยง เนื่องจากไทยมีโอกาสในการแข่งขันด้านราคาเพิ่มขึ้นหลังสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าไทยต่ำกว่าคู่แข่งหลักอย่างจีน และใกล้เคียงกับคู่แข่งอื่นๆ ในอาเซียน

 

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการภาพรวมการส่งออกไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 0% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 5.7% ในปี 2568 โดยการส่งออกไทยในเดือนก.ย. ขยายตัวสูงสวนทางกับที่คาดการณ์ว่าจะเผชิญการหดตัว ส่งผลให้ 3 ไตรมาสแรกของปีการส่งออกขยายตัวอยู่ที่ 13.9%YoY ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปีการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ 2.6%YoY จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว เนื่องจากคาดว่าจะยังมีการเร่งส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่องก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ภายใต้มาตรา 232 ประกอบกับช่วงขาขึ้นของวัฏจักร

 

  • ในขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการนำเข้าไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 5.0% ในปี 2568 จากการนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะขยายตัวตามการส่งออก โดยการนำเข้าส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ การนำเข้าวงจรพิมพ์ แผงวงจรไฟฟ้า อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ยังขยายตัวได้สูงถึง 93.5% ในเดือนก.ย. 2568 โดยนำเข้าจากตลาดเอเชียเป็นสำคัญ เช่น ไต้หวัน จีน มาเลเซีย และญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้ การปรับเพิ่มประมาณการส่งออกและนำเข้าไม่ได้ส่งผลให้ดุลการค้าและดุลการชำระเงินเปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ยังคงอยู่ที่ 1.8%

 

  • สำหรับผลกระทบจากกรอบความตกลงทางการค้าต่างตอบแทนร่วมกันระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่ลงนามไปเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2568 คาดว่าจะมีผลในปี 2569 ทั้งนี้ กรอบความตกลงฯ ดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับในทางกฎหมาย โดยใช้เป็นกรอบการเจรจาเพิ่มเติมโดยตั้งเป้าว่าจะมีข้อสรุปร่วมกันภายในช่วงปลายปีนี้ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
  • ไทยต้องเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ประมาณ 99% ครอบคลุมสินค้าเกษตร อาหาร และอุตสาหกรรม รวมถึงแก้ไขอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยไว้ที่ 19% และจะพิจารณายกเว้นภาษีให้ในบางรายการ
  • ไทยต้องสั่งซื้อสินค้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเกษตร (อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง) มูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี สินค้าพลังงาน (อาทิ ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบ อีเทน) มูลค่า 5.4 พันล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี และเครื่องบินสหรัฐฯ จำนวน 80 ลำ มูลค่า 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามรายละเอียดประเด็นสินค้าส่งผ่าน (Transshipped goods) หรือสินค้าที่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในไทย ซึ่งอาจถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 40%

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไปต่อไม่ไหว By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ พบแรงขายเข้ามาในหุ้นใหญ่หลายตัว หลายธุรกิจ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลง .....

สู่ความจริง By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง สรรพสิ่งในโลกของตลาดหุ้น ล้วนคืนสู่ความจริง กำไรแท้จริง คือ บรรทัดสุดท้าย เมื่อราคาหุ้น ...

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้