Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

117

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

Vietnam’s Next Stage โมเมนตัมเศรษฐกิจมหภาคและการยกระดับตลาดทุน


Key findings:

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 3 ปี 2025 โตเร่งขึ้นที่ 8.23% YoY (จาก 8.19% YoY ในไตรมาส 2 ปี 2025) และยังโตแข็งแกร่งในทุกมิติ โดยเฉพาะเครื่องยนต์หลักอย่างภาคส่งออกที่ยังสามารถเติบโตและส่งผ่านไปยังภาคการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเติบโตสอดคล้องกัน แม้จะเผชิญกับแรงกดดันจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ก็ตาม เราจึงคาดว่า GDP เวียดนามปี 2025 โตได้มากกว่า 7.3% YoY ซึ่งเป็นอัตราที่เร่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2024 ที่ขยายตัวได้ 7.09% YoY สูงสุดในภูมิภาคอีกครั้ง

ภาคส่งออกของเวียดนามได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ น้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าเวียดนามในเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน 2025 ที่ยังคงขยายตัวได้ 14.5% YoY และ 24.7% YoY ตามลำดับ ต่างจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2025 ไม่ว่าจะเป็นไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์

การบริโภคในประเทศฟื้นตัวได้ดี สะท้อนจากยอดค้าปลีกที่เติบโตดีต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนหลักจากภาคบริการท่องเที่ยว สอดคล้องจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2025 ที่ขยายตัวได้สูงถึง 21.5% YoY และมีสัดส่วนกว่า 119.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 (ก่อนวิกฤตโควิด-19)

ด้วยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ยังต่ำกว่ากรอบบนของอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย (อัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาส 3 ปี 2025 อยู่ที่ 3.3%) ประกอบกับเศรษฐกิจเวียดนามที่ยังเติบโตแข็งแกร่งจากปัจจัยพื้นฐานในหลายมิติตามที่กล่าวมาข้างต้น น่าจะเอื้อต่อการคงทิศทางนโยบายการเงิน โดยคาดว่า SBV น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.0% ต่อไปอีกระยะ แม้สภาพคล่องในระบบธนาคารยังตึงตัวอยู่บ้าง


การลงทุนโดยรวมก็ได้แรงเสริมทั้งจากการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ (อาทิ โครงการท่าเรือทรานชิปเมนต์ Can Gio ในนครโฮจิมินท์ โครงการรถไฟฟ้าเชื่อมจีน) และเม็ดเงินลงทุน FDI ขณะเดียวกันปัจจัยเชิงโครงสร้างอย่างการประกาศอัปเกรดตลาดหุ้นสู่กลุ่มตลาดเกิดใหม่ระดับรอง (Secondary Emerging Markets) ของ FTSE Russell ก็เป็นบวกต่อความเชื่อมั่นและโอกาสดูดซับเงินทุนต่างชาติหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดเวียดนามในระยะถัดไป

Implications:

การที่ภาคส่งออกของเวียดนามได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ น้อยกว่าคาด สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าสำคัญ และการบริหารต้นทุนสินค้าที่มียืดหยุ่น ส่งผลให้ในระยะสั้น แรงกดดันจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ยังไม่บั่นทอนภาคการส่งออกของเวียดนามซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ (Growth engine)

ในระยะสั้น แม้ภาพรวมยังหนุนมุมมองเชิงบวกต่อวัฏจักรการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม แต่ในระยะกลางถึงยาวต้องระวังแรงกดดันจากภาษีสหรัฐฯ ที่อาจลดทอนความสามารถในการทำกำไรของสินค้าส่งออก นักลงทุนจึงควรต้องติดตามปัจจัยชี้นำทางเศรษฐกิจ เช่น คำสั่งซื้อสินค้าใหม่ ภาวะการผลิต การลงทุน แรงส่งการบริโภคจริงภายในประเทศ เพื่อประเมินความยืนระยะของ “Growth engine” ของเวียดนามต่อไป
(โปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม)

สรุปภาพตลาดวานนี้ หุ้นไทยบรีบาวด์ ไม่ใช่จากแค่ DELTA ที่บวก แต่กลุ่มบวก ยกแผง พร้อม Vol คือ ธนาคาร KBANK BBL SCB TISCO KTB ลากกลุ่มอื่นๆ อย่าง AOT OR GULF CPN บวกขึ้นมาด้วย ขณะที่กลุ่มด้อย SCC SCCC IVL LH BDMS เป็นต้น


แนวโน้มตลาดวันนี้ กลุ่มการเงิน เคาะระฆังช่วย SET
ตามรายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์ที่เราคาดกลุ่มเด่นรอบนี้ ที่น่าช้อนซื้อเมื่อตลาดปรับฐาน คือกลุ่ม ธนาคาร การเงิน และ โรงไฟฟ้า โดยเมื่อวานได้แรงซื้อหุ้น ธนาคาร และ การเงิน (TIDLOR MTC SAWAD) ช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนตลาดหุ้นไทย
ปัจจัยหนุนราคาหุ้น ธนาคาร และการเงิน รอบนี้ 1.) รายงานกำไรไตรมาส 3/25 ที่ไม่ได้แย่ไปกว่าที่คาด โดยมีความเสี่ยงด้านล่างจำกัด (รอบนี้) โดยเฉพาะแบงก์ เพราะตลาดมองตัวเลขกำไรชะลอตัวตามทิศทางดอกเบี้ยไปล่วงหน้าแล้ว ราคาหุ้นแบงก์ปรับฐานรอมาตลอดเดือน กย.หลัง XD 2.) มาตรการแก้หนี้ และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น ตั้ง AMC ซื้อหนี้ออกจากแบงก์, สถาบันค้ำประกัน, มาตรการกระตุ้นการบริโภค (คนละครึ่งพลัส, เที่ยวไทยลดหย่อนภาษี) เป็นต้น ส่วนกลุ่มถัดไปนั้นเราแนะนำ ทยอยสะสมโรงไฟฟ้า ปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นจาก DC ทั้งใน และ ต่างประเทศ ตามฤดูกาล, การประมูล PPA ใหม่ที่รวมกำลังไฟจาก DC เป็นต้น
ประเด็นมหภาคที่ยังต้องติดตาม อาจพลิกได้ทั้ง บวกและลบ คือ การเจรจาขยายเวลา หยุดสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะถึงเส้นตายใหม่ 10 พย.นี้ ดังนั้นต้องตาม การพบกันระหว่าง ปธน.สหรัฐฯ-จีน ในการประชุม APEC สิ้นเดือนนี้, ส่วนประเด็นบวกเรื่องใหม่ คือ เฟด ส่งสัญญาณครั้งแรก กำลังหาช่วงเวลาเหมาะสม ยุติมาตรการ QT ที่ดำเนินมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา


กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-รอสะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนวรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร


วิเคราะห์ทางเทคนิค SET ไม่ยอมแพ้ ร่วงแล้วดีดกลับทันที นำโดย DELTA (+4%) GULF (+2.5%) KTB (+2.8%) BBL (+3.3%) KBANK (+2.4%) และอื่นๆ โดยเฉพาะหุ้นแบงค์เป็นพระเอก ขี่ม้าขาว ช่วยดันดัชนีกลับขึ้นมาทดสอบเส้น EMA 25 วัน อีกครั้ง! แนวโน้มระยะกลางเทรดอยู่ที่ตำแหน่ง Fibo 50% หรือเป็นการปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 50% อาจมีสลับพักบ้าง กรณีไม่หลุดแนวรับ 1,250 จุด (EMA 200 วัน) ตลาดยังไม่น่ากังวล
Note: หุ้นสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกลุ่ม Sector rotation รอบนี้เน้นกลุ่มธนาคาร โรงไฟฟ้า และสื่อสาร เป็นหลัก
ไฮไลท์หุ้นเด่น: หุ้นแบงค์....พระเอกขี่ม้าขาว/ GULF สู้ไหว!....มีอยู่แนะลุยต่อ/ KTB ขาขึ้นยังไม่จบ / BBL เขียวเต็มแท่ง/ BGRIM ทะลุ EMA 200 วัน & จ่อทะลุ high

 


What to watch
ครม.เศรษฐกิจ เคาะแพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยว ลดหย่อนภาษี-เร่งภาครัฐใช้งบอบรมสัมมนา 1) นำค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวไปหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่เกินคนละ 20,000 บาท (ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเมืองหลัก จะสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 1 เท่า ขณะที่เมืองรอง จะสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 1.5 เท่า ซึ่งจะเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค.นี้)
หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีนโยบายให้เบิกจ่ายงบเพื่อการอบรมสัมนา ภายในเดือนม.ค.69 อย่างน้อย 60% เพื่อช่วงกระตุ้นดีมานด์ระยะสั้นในช่วงนี้
มาตรการให้ผู้ประกอบการโรงแรม-ที่พัก สามารถนำค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพัฒนาโรงแรม-ที่พัก มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า-โครงการ Soft Loan ดอกเบี้ยต่ำ ในการกระตุ้นให้โรงแรมรีโนเวท โดยคาดว่าจะใช้งบ ประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสินเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน
รายงานงบการเงินไตรมาส 3/25 กลุ่มธนาคารส่วนใหญ่แจ้งงบวันอังคารหน้า
สงครามการค้า จีน สหรัฐฯ ที่ได้ข้อยุติลงชั่วคราวเมื่อเดือน พ.ค. (โดยระงับการเก็บภาษีตอบโต้กันในอัตราเลขสามหลัก) กำลังจะถึงเส้นตายใหม่ วันที่ 10 พ.ย. ซึ่งต้องเร่งหา ข้อยุติชั่วคราวครั้งใหม่ให้ทัน...
คลังอยู่ระหว่างศึกษาเกณฑ์ลดหย่อนภาษียกชุด ให้มีกรอบชัดเจน และมีเพดานต่อคนต่อปี โดยหลักๆ ติดตามในเดือน พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีแนวทางเรื่องการออกมาตรการลดหย่อนใหม่ๆ ด้วย เช่น TISA เป็นต้น
นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในปีนี้ หลังสหรัฐเผชิญภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในภาคเอกชนสหรัฐ
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 89.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้ GULF
GULF ได้อานิสงค์จากประเด็นการใช้ไฟ DC ในสหรัฐฯ และโอกาส re-rate valuation กลับจากการประมูลในไทยรอบใหม่
แนวรับ 43 ต้าน 45 Stop loss 42

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

BTG (idea)
เบทาโกร
กำไรยังอยู่ในช่วงอ่อนแรง
รายงาน Idea Call วันนี้ เราปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” ราคาเป้าหมาย 16.60 บาท มองแรงกดดันราคาหุ้นจากปัจจัยลบ ดังนี้
Earnings softening: แนวน็มกำไรของ BTG จะยังอ่อนแรงต่ออีก 1–2 ไตรมาส คาด 3Q25 กำไรหลักที่ 1.2 พันล้านบาท (จาก 2.6 พันล้านบาทใน 2Q25) ตามราคาหมูในประเทศที่อ่อนตัว แม้ธุรกิจไก่ยังช่วยพยุงบางส่วน
Valuation not cheap: จุดที่ดีที่สุดในรอบผ่านไปแล้ว (ใน 2Q25) BTG เคยเทรดที่ PER 7.3 เท่า ซึ่งเรามองไม่น่ากลับไปได้เพราะปีหน้ากำไรจะลดลงกว่า 24% YoY เราจึงมองว่าช่วงนี้ valuation ยังไม่ถูกพอเทียบกับความเสี่ยง ราคาหมูก็ยังต่ำกว่าต้นทุน ในการประเมินมูลค่าใหม่ จึง De-rate valuation ลงไปใช้ PER 6.5 เท่า ของกำไรปี 2026 ทำให้ราคาเป้าหมาย 16.6 บ. (จากเดิม 20 บ.)
Pork price risk: ราคาหมูเฉลี่ย ต.ค. อยู่ที่ 50-55 บ./กก. ต่ำกว่าจุดคุ้มทุน 60 บ./กก. ต้องเพิ่มกว่า 20% MoM ใน พ.ย.–ธ.ค. เพื่อกลับระดับ 3Q25 ซึ่งเป็นไปได้ยาก แม้ว่าราคาหมูจะต่ำสุดในเดือนนี้ เราคาดค่อยๆ ขึ้น มาเฉลี่ย 4Q25 ที่ 62 บ./กก. (ยังลด 13% YoY และ QoQ)

ADVICE
แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท
สมาร์ทโฟนยังหนุนกำไรต่อเนื่อง
เราคาดกำไรหลัก 3Q25 ที่ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% YoY (ลดลง 7% QoQ) หนุนจากยอดขายสมาร์ทโฟน (17% ของรายได้) โดยเฉพาะสินค้า Apple (13%) ที่คาดโตแรงกว่า 200% YoY ตามกระแส iPhone17 และการขยายสาขา iStore เป็น 13 แห่ง ณ สิ้นก.ย. 2025 (จาก 2 แห่งในปีก่อน)
แนวโน้ม 4Q25 คาดกำไรเร่งขึ้น YoY จากดีมานด์เปลี่ยนเครื่อง PC/Notebook หลัง Windows 10 สิ้นสุดการซัพพอร์ตกลางต.ค. ประกอบกับยอดขาย iPhone17 ที่แข็งแกร่ง และการเพิ่มร้าน iStore เป็น 20–22 แห่งภายในสิ้นปี หนุนกำไรปี 2025 โต 16% YoY และปี 2026 โตต่อ 15% YoY จากการเปิดร้านใหม่อีก 42 แห่งและขยายช่องทางขาย Apple สู่ลูกค้าภาครัฐและโรงเรียน
Fundamental view: คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.0 บาท มองราคาหุ้นที่ปรับลง 13% ช่วง 2 สัปดาห์เพราะกังวลข่าวการขายหุ้นผู้บริหาร
ปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 2025 เพียง 11.9 เท่า ต่ำกว่ากลุ่ม IT retail (12.7 เท่า) ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 16% ต่อปีในปี 2025–26

 

 


PR9
โรงพยาบาลพระรามเก้า
ต่างชาติพุ่งทำสถิติใหม่
เราคาดกำไร 3Q25 ของ PR9 ที่ 226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 21% QoQ หนุนโดยรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-time high) แม้รายได้จากผู้ป่วยไทยทรงตัว แต่ถูกกลบด้วยการเติบโตแรงจากผู้ป่วยต่างชาติ 59% YoY นำโดย middle east คิดเป็นสัดส่วนถึง 12–13% ของรายได้รวม (จากเดิม 8–9% ในครึ่งปีแรก) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross margin) ดีขึ้นต่อเนื่องคาดที่ 37% เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติที่มากขึ้น
มองไปข้างหน้าใน 4Q25 แนวโน้มผลประกอบการยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้จำนวนผู้ป่วยไทยอาจชะลอตามฤดูกาล แต่ฝั่งผู้ป่วยต่างชาติ จะยังเติบโตต่อเนื่อง ช่วยรักษาอัตราการใช้เตียงให้อยู่ในระดับสูง
สำหรับภาครัฐมีนโยบายควบคุมราคายาและเปิดทางให้ผู้ป่วยสามารถซื้อยานอกโรงพยาบาลได้ แต่ PR9 ได้รับการรับรองเป็น “โรงพยาบาลสีเขียว (Green Hospital)” จากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งหมายถึงการตั้งราคายาอย่างโปร่งใสและไม่สูงเกินจริง ยอดขายยาคิดเป็นกว่า 20% ของรายได้รวม และราคาของ PR9 ถือว่าแข่งขันได้ ทำให้โรงพยาบาลไม่เสี่ยงต่อแรงกดดันจากมาตรการรัฐมากนัก
Fundamental view: ทำให้ภาพรวมของ PR9 ยังคงเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลขนาดกลางที่มีแนวโน้มเติบโตเด่นที่สุดในกลุ่มในช่วงปลายปีนี้ คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาท

 

สรุปประเด็นจาก Quick take
SYNEX
ซินเน็ค (ประเทศไทย)
มองลบเล็กน้อยต่อข่าวเตรียมเปิด Nintendo eShop และ Switch online ในไทย
Nintendo ประกาศเตรียมเปิดร้าน eShop และ Switch online ในไทยตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.
View from fundamental: เรามองลบเล็กน้อยต่อข่าวดังกล่าว กระทบแนวโน้มยอดขายแผ่นเกมส์อาจลดลง แต่ไม่กระทบกำไรหลักปี 2025-26 ของเราอย่างมีนัยสำคัญ (<1%) เพราะยอดขาย nintendo คิดเป็นเพียง 3-4% ของรายได้รวมและเกือบ85%เป็นการขายเครื่องและอุปกรณ์เสริม ดังนั้น ราคาหุ้นที่ปรับลงเป็นโอกาสในการซื้อ

Tourism
มาตรการท่องเที่ยว และ Amazing Thailand x Lisa
รัฐบาลเตรียมอนุมัติมาตรการท่องเที่ยว ใช้วันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค. 2025 พร้อมกันนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเปิดตัว ลิซ่า เป็น Amazing Thailand Ambassador
View from fundamental: AOT, AAV, CENTEL, MINT, ERW, AWC ได้ sentiment บวกต่อทั้งมาตรการท่องเที่ยว และ Amazing Thailand Ambassador x Lisa

 

 


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NER ต้อนรับคณะสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เยี่ยมชมโรงงาน จ.บุรีรัมย์

NER ต้อนรับคณะสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เยี่ยมชมโรงงาน จ.บุรีรัมย์

เวียนกลุ่มเล่น By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้านี้ เปลี่ยนหมุนเวียนกลุ่มเล่น จากหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ดันตลาดฯ เป็น โรงไฟฟ้า, โรงพยาบาล.....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้