ภาวะตลาด SET Index วานนี้ ช่วงเช้ามีเด้งเล็กน้อย โดยขึ้นไป 1291.20 (+4.22 จุด) แล้วอ่อนตัวลงไป ปิดต่ำสุดของวันที่ 1266.38 (-20.60 จุด) เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่ โดยทั้งสองประเทศออกมาตรการตอบโต้กันทางภาษีและการขนส่งทางเรือ นักลงทุนสถาบันในปท.ขายสุทธิ -754 ลบ. ต่างชาติขายสุทธิ -2.9 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ-จีน: ความขัดแย้งทางการค้าปะทุขึ้น จีนประกาศคว่ำบาตร 5 บริษัทในเครือฮันฮวา โอเชียน ซึ่งเป็นบริษัทต่อเรือเกาหลีใต้ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐ โดยระบุว่า 5 บริษัทเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่สหรัฐดำเนินการสอบสวนอุตสาหกรรมการเดินเรือของจีน นอกจากนี้สหรัฐและจีนประกาศเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นกับเรือของทั้งสองประเทศที่เข้ามาเทียบท่าระหว่างกัน มีผล 14 ต.ค.25 ล่าสุดทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐอาจพิจารณายุติการซื้อขายน้ำมันปรุงอาหารกับจีน เพื่อตอบโต้จีนที่ปฏิเสธการซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐ
• IMF ระบุว่าเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่งกว่าที่เคยคาด โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ปีนี้ขึ้นเป็นโต 3.2% (เดิม 3.0%) และคงของปี 2026 ไว้ที่ 3.1% เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ไม่ตอบโต้ภาษีสหรัฐ หลีกเลี่ยงการยกระดับสงครามการค้า และจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ความแข็งแกร่งอาจถูกทดสอบจากมูลค่าสินทรัพย์ที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยี
• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน เพราะมีทั้งปัจจัยบวกจากผลประกอบการธนาคารขนาดใหญ่ที่ดีเกินคาด แต่ก็ กังวลความขัดแย้งการค้าสหรัฐ-จีน สัญญาน้ำมันดิบ WTI & Brent อ่อนลง 1.3-1.5% เป็ น 59-62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA เตือนว่าอุปทานน้ำมันในปี 26 จะเพิ่มมาก โดยอาจสูงถึง 4 ล้านบาร์เรล/วัน สัญญาทองคำปรับขึ้นต่อ +30.4 US$ สู่ 4,163.40 US$/ออนซ์ หนุนโดยดอกเบี้ยสหรัฐที่ยังอยู่ในทิศทางลง ข้อพิพาททางการค้า ความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ แรงซื้อกองทุน ETF ทองคำ ฯลฯ ด้าน ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนเป็น 99.0 ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.60 Bt/US$ ส่วน US bond yield 10 ปีลดสู่4.03% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 103.8 ดัชนี Baltic Dry Index ถอยสู่ 2,022

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม: ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ปะทุขึ้นรอบใหม่ เป็น Sentiment บวกกับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โดยทำให้มีโอกาสที่ จะเกิดการย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้น ซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน หุ้นเด่นเป็น AMATA, WHA, ROJNA
• ครม.เศรษฐกิจพิจารณามาตรการภาษีหนุนท่องเที่ยวเมืองรอง...เป็นข่าวบวกกับธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น โรงแรม, ค้าปลีกอุปโภคบริโภค, สถานีบริการน้ำมัน, สนามบิน, สายการบิน เป็นต้น หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวเป็น ERW, CENTEL, CPALL, PTG, AAV, BA

กลยุทธ์ : ถ้าเด้งน้อยมีสิทธิลงต่อ ในทางเทคนิคทดสอบแนวรับ 1265 แล้ว ระยะสั้นมากสัญญาณกลับมาเป็นลบ แต่จะลดทอนความเป็นลบได้ถ้ามีการเด้งขึ้นและกลับไปยืนเหนือ 1296 จุดได้ แต่หากไปไม่ถึงหรือยืนไม่ได้ก็มีสิทธิแกว่งลงต่อ แนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1265-1260, 1230 กรณีรีบาวด์มีแนวต้าน 1275-1280, 1296-1300

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : AMATA แม้ว่ายอดขายที่ดินในปี 25 จะลดลงจากฐานสูงมากในปี 24 ที่ทำยอดขายมากสุดเป็นประวัติการณ์ แนวโน้มยังไปได้ดี คาดว่าจะยังมีการย้ายฐานการผลิตมาไทย ในด้านการรับรู้รายได้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ และปี 2026 จาก Backlog ที่สูง (ณ สิ้น 2Q25 อยู่ที่ 2.5 หมื่นลบ.) ส่วนใน 3Q25 คาดจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น QoQ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง (อัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.6 เท่า) ราคาหุ้น AMATA ปัจจุบันซื้อขายที่ส่วนลด 58% จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (RNAV) ที่ 38 บาท แนะนำทยอยสะสม

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829