FINANCE : การเติบโตของรายได้ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับปี 2026F

ผู้ประกอบการบัตรเครดิตยังคงประสบปัญหาการเติบโตของรายได้ แต่ยังคงรักษากำไรที่มั่นคง
อิออน ธนสินทรัพย์ (AEONTS) รายงานผลประกอบการรายไตรมาส พร้อมเพิ่มวงเงินสำรอง สะท้อนถึงความรอบคอบในการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารแจ้งว่าหลังจากหลายไตรมาสที่มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตโฟลิโอให้เหมาะสม บริษัทพร้อมที่จะผ่อนคลายมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ อิออนยังวางแผนที่จะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอีกครั้งเพื่อคว้าโอกาสการเติบโตด้านสินเชื่อที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว เราคาดว่าผลประกอบการของบัตรกรุงไทย (KTC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในวันที่ 17 ตุลาคม จะแสดงให้เห็นถึงกำไรที่มั่นคง และการเติบโตของสินเชื่อใน 4Q ซึ่งปกติแล้วจะแข็งแกร่งขึ้นตามฤดูกาล เนื่องจากทั้งสองบริษัทได้ลดการเติบโตของสินเชื่อติดต่อกันเป็นไตรมาส เราจึงคาดการณ์ว่าคุณภาพสินทรัพย์จะถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ

ผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอาจเห็นกำไรเติบโตสองหลัก YoY ใน 3Q25F
เรามองเห็นโอกาสสูงที่ผู้นำตลาดอย่างเมืองไทย แคปปิตอล (MTC) จะทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่อีกครั้ง เพิ่มขึ้น 13.8% YoY และ 3.0% QoQ เป็น 1.7 พันล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่ 13.0% YoY และ 3.0% QoQ เป็น 1.8 แสนล้านบาท สำหรับเงินติดล้อ (TIDLOR) เราคาดการณ์กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง เพิ่มขึ้น 31% YoY ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากฐานต้นทุนสินเชื่อที่สูงในปีที่แล้ว ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) มีกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งล่าสุดใน 3Q23 ที่ 1.39 พันล้านบาท ด้วยกำไรใน 2Q25 ที่ 1.27 พันล้านบาท เรามองว่า SAWAD ยังไม่สามารถไล่ตามคู่แข่งได้

กำไรที่ได้รับจนถึงปัจจุบันได้รับแรงหนุนจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2026 เป็นสิ่งจำเป็น
ต้นทุนสินเชื่อของผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ลดลงตั้งแต่ต้นปี 2025 ส่งผลให้กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในอนาคต การขยายรายได้ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการเติบโตของสินเชื่อหรือรายได้จากประกันภัยที่สูงขึ้น จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาการเติบโตของกำไรในระดัย double didit ในปี 2026F แม้ว่าการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังจะยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง ราคารถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสองที่ปรับตัวดีขึ้น สภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และนโยบายประชานิยมของรัฐบาล น่าจะช่วยสนับสนุนความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มมากขึ้น เราเชื่อว่า MTC และ TIDLOR อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะคว้าโอกาสเหล่านี้ไว้ได้ เมื่อพิจารณาจากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ขนาดตั๋ว และกลยุทธ์การดำเนินงาน

เมื่อปรับฐานมูลค่าใหม่เป็นปี 2026F กลุ่มธุรกิจต่างๆ ; เราคงเลือก MTC และ TIDLOR เป็นหุ้นแนะนำ
เมื่อปรับฐานการประเมินมูลค่าไปยังปี 2026F เรายังคงให้ความสำคัญแบบรายบริษัท (bottom-up preference) กับ MTC และ TIDLOR ทั้งสองหุ้นได้ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดก่อนหน้าแล้ว สะท้อนการที่ตลาดรับรู้ถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ปัจจุบัน MTC ซื้อขายที่ระดับ 11.4 เท่าของ PER ปี 2026F (คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น 13.9%) และ TIDLOR ที่ 10.9 เท่า (คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น 11.8%) ขณะที่ KTC ซื้อขายที่ 9.9 เท่า (คาดการณ์การเติบโตของกำไร 4.5%) ส่วนโอกาสการปรับขึ้นต่อจากนี้จะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของโมเมนตัมการเติบโตในปี 2026F ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MTC และ TIDLOR โดยปรับมูลค่าที่เหมาะสมขึ้นเป็น 55.00 และ 25.00 บาท ตามลำดับ