Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ส่งออกรถยนต์ไทยคาดเหลือ 9 แสนคัน หลังออสเตรเลีย "ตลาดอันดับ 1" เปลี่ยนเกณฑ์รถนำเข้าใหม่

103

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (14 ตุลาคม 2568 )-----ออสเตรเลียปรับเกณฑ์นำเข้ารถยนต์ใหม่คุมการปล่อยก๊าซ CO2 และความปลอดภัยระบบเบรก นำมาสู่ความต้องการรถยนต์ HEV&PHEV ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี บางส่วนของรถยนต์ที่ผลิตจากไทยยังไม่พร้อม จึงทำให้การส่งออกรถยนต์ไทยไปออสเตรเลียหดตัว 16% ซึ่งมีผลต่อการส่งออกรวมปี 2568 ที่คาดเหลือ 9 แสนคัน จากที่ปกติทำได้มากกว่า 1 ล้านคัน เนื่องจากออสเตรเลียเป็นตลาดที่มีส่วนแบ่งถึง 28% ของไทย

 

ในระยะข้างหน้า ต้องติดตามว่าโอกาสการลงทุนในไทยของค่ายรถเพื่อพัฒนารถยนต์ HEV&PHEV มาตรฐานสูงจะเป็นเช่นไร เนื่องจาก ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะรถยนต์จากจีน ท่ามกลางการควบคุมก๊าซ CO2 ที่เข้มงวดขึ้นทุกปี ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักลงทุนหลักในไทยอาจจำเป็นต้องรักษากำลังการผลิตในประเทศตนเองมากขึ้นหลังโดนสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์

ส่งออกรถไทยไปออสเตรเลียคาดหดตัว 16.0% ส่งผลให้ส่งออกรวมปี 68 หดตัว 11.7%  

ปริมาณการส่งออกรถยนต์ของไทยในปี 2568 นี้ คาดเหลือ 900,000 คัน (รูปที่ 1) โดยสาเหตุหลักมาจากออสเตรเลีย ที่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 28% มีการเปลี่ยนมาตรฐานรถยนต์นำเข้าใหม่ ซึ่งรถยนต์ที่ผลิตในไทยบางรุ่นไม่สามารถตอบโจทย์นั้นได้ ทำให้ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 พบมูลค่าส่งออกไปออสเตรเลียหดตัวถึง 17.3% (YoY) (รูปที่ 2) และคาดว่าทิศทางดังกล่าวนี้มีโอกาสดำเนินต่อเนื่องไปจนจบปี 2568

มาตรฐานรถนำเข้าที่เข้มงวด ดันความต้องการ HEV&PHEV เพิ่ม

ตั้งแต่ต้นปี 2568 ออสเตรเลียมีการปรับมาตรฐานรถยนต์นำเข้าใหม่ที่เข้มงวดขึ้น ได้แก่

(1) มาตรฐานประสิทธิภาพการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับรถยนต์ใหม่ (New Vehicle Efficiency Standard : NVES) เพื่อคุมจำนวนรถยนต์นำเข้าที่ปล่อยก๊าซ CO2 เกินเกณฑ์มาตรฐาน[1] โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ก่อนเก็บค่าปรับจริงตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568

(2) มาตรฐานความปลอดภัยโดยรถนำเข้าใหม่ต้องติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking : AEB) ที่ผ่านมาตรฐานของออสเตรเลีย เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2568

ส่งผลให้ออสเตรเลียมีการนำเข้ารถยนต์กลุ่มไฮบริด (HEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เพิ่มขึ้น 34.7% (YoY) ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ส่งผลดันส่วนแบ่งตลาดนำเข้ารถยนต์ HEV&PHEV ของออสเตรเลีย กลุ่มรถยนต์นั่งขึ้นเป็น 27% และกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ขึ้นเป็น 10% ตามลำดับ 

ในขณะที่รถยนต์ใช้น้ำมัน (ICE) พบนำเข้าลดลง 16.4% (YoY) ส่วนรถยนต์ BEV เนื่องจากปีนี้รัฐบาลท้องถิ่นในรัฐต่าง ๆ เริ่มลดมาตรการส่งเสริมการซื้อ ทำให้การนำเข้าลดลง 24.6% (YoY)

ไทยไม่ได้อานิสงส์ เพราะ HEV ที่ส่งไปบางรุ่นไม่ตอบโจทย์ และปัจจุบันก็ยังไม่มีการส่งออก PHEV

เห็นได้ชัดจากส่วนแบ่งตลาดของไทยที่ลดลงจากปีก่อน 2% ในกลุ่มรถยนต์นั่ง และลดลง 5% ในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ (รูปที่ 4)

ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันสำคัญ 2 เรื่องที่ทำให้ไทยส่งออกรถยนต์ HEV&PHEV ไปออสเตรเลียลดลงถึง 15.1% (YoY) ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 (รูปที่ 5) สวนทางตลาดออสเตรเลียที่กำลังขยายตัว คือ (1) การที่ไทยยังไม่มีการผลิตรถยนต์ PHEV ส่งออกไปต่างประเทศในปีนี้ และ (2) รถยนต์ HEV บางรุ่นที่ผลิตจากไทยอาจไม่สามารถตอบโจทย์มาตรฐานใหม่ของออสเตรเลียได้ ซึ่งสถานการณ์เดียวกันนี้พบกับรถยนต์ HEV&PHEV ผลิตส่งออกจากญี่ปุ่น (ประเทศผู้ลงทุนหลักในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย) เช่นกัน ที่ก็มีทิศทางหดตัว 13.8% (YoY)

การหดตัวของการส่งออกทั้งจากไทยและญี่ปุ่นดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าการเร่งพัฒนารุ่นรถยนต์ของค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่นที่ตอบโจทย์มาตรฐานใหม่ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอาจเป็นสิ่งจำเป็น ก่อนเสียส่วนแบ่งตลาดเพิ่มให้รถยนต์จากจีน เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และแอฟริกาใต้ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันพบออสเตรเลียหันนำเข้าจากประเทศเหล่านี้ทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในกลุ่มรถยนต์ HEV&PHEV

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อ เนื่องจากมีผลต่อการส่งออกรถยนต์ไทย

  • มาตรฐานการปล่อยก๊าซ CO2 ของรถยนต์ส่งออกไปออสเตรเลียเข้มงวดขึ้นทุกปี โดยตั้งแต่ปี 2571 หากวัดด้วยระดับเทคโนโลยีปัจจุบันจะเหลือเพียงรถยนต์ PHEV และ BEV ที่ผ่านเกณฑ์ได้ (ตารางที่ 1)
  • ค่ายรถจะหันใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ HEV&PHEV ส่งไปออสเตรเลียเพิ่มขึ้นหรือจะใช้ฐานผลิตอื่น เช่น
  • การผลิตและส่งออกรถยนต์เทคโนโลยีสูงจากญี่ปุ่นอาจเพิ่มขึ้น เพื่อรักษากำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศตนเองก่อน หลังตลาดส่งออกของญี่ปุ่นมีโอกาสเล็กลง เมื่อสหรัฐฯ ที่เดิมเป็นตลาดส่งออกหลักของญี่ปุ่นปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์สูงขึ้นมาก
  • ฐานผลิตที่ส่งออกไปตลาดต้องการเทคโนโลยีสูงแบบเดียวกันอย่างอียู เช่น แอฟริกาใต้ ซึ่งมี FTA ร่วมกันกับอียูอยู่ อาจเป็นทางเลือกแรกที่ค่ายรถจะตัดสินใจลงทุนเพื่อผลิตรถยนต์ HEV&PHEV บางรุ่น เพราะสามารถสร้าง economies of scale ได้ง่ายกว่า

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้