SET เตรียมรับแรงกระแทกจากหุ้นส่งออก

HORIZON MARKET VIEW
• ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังเป็นปัจจัยเสี่ยงระยะสั้น เริ่มตั้งแต่ วันที่ 9 ต.ค.68 จีนได้ประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่ เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตสินค้า HIGH TECH วันที่ 10 ต.ค.68 ปธน. ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีจีน 100% เริ่ม 1 พ.ย. 68วันที่ 12 ต.ค.68 ปธน. ทรัมป์มีท่าทีอ่อนลง ระบุว่า “ทุกอย่างจะเป็นไปในทางที่ดี และสหรัฐฯ ไม่ต้องการ ทำร้ายจีน” อีกทั้งมาตรการภาษีรอบใหม่ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ทันที ทำให้เกิดความ คาดว่าจะมีการเจรจาเพิ่มเติม
• อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียมทางการค้าที่เพิ่มขึ้น อาจกดดันภาคการส่งออกไทย ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกจากไทยไปสหรัฐฯ ชะลอตัวลง
• ความน่าจะเป็นที่รับาลสหรัฐฯ จะ SHUTDOWN มากกว่า 20 วัน มีน้ำหนัก 88% แล้ว

 

REGION RADAR
• พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากใน DATA CENTER โดยกระแสการ ลงทุนใน DATA CENTER ที่มากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้ามี มากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานสะอาด แนะนำเก็งกำไรกองทุน ASPPOWER
• กลุ่ม RARE EARTH ปรับตัวขึ้นแรงหลังจากประเทศจีนคุมเข้มด้าน การส่งออกส่งผลให้ราคา RARE EARTH ในตลาดโลกมีการปรับตัว ขึ้นแรง เป็น SENTIMENT บวกต่อ REMX US ซึ่งเป็น ETF ที่เน้นการ ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ RARE EARTH

 

THAI FOCUS
• ยอดส่งออกสะสม 8 เดือน (ม.ค.–ส.ค.) 2568 ของไทย เป็นมูลค่า 223,175 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 13.3%YOY จากหลายบริษัทอาจ “เร่งส่งออก” ก่อนมีผลกระทบของนโยบาย/ภาษี ทำให้ช่วงต้นปีดู เติบโตสูง(YOY)
• แต่หลังจากวันมีผลบังคับใช้ TARIFF ก็มีผลกระทบชัดเจน โดยการ ส่งออกเดือนส.ค.68 +5.8% YOY (ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน) ขณะที่การ ส่งออกเดือนก.ย.68 คาดว่าจะเติบโตชะลอเหลือ +2% ถึง +3%YOY เท่านั้น ซึ่งมูลค่าส่งออกมีสัดส่วนราว 69-70%ของ GDP ทั้งหมด

 

SYNAPSE STRATEGY
• ช่วง 2 วัน ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก จากประเด็น TARIFF อีกครั้ง กดดัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่อิงกับหุ้นกลุ่ม TECH ส่งออก อาทิตลาด หุ้นฮองกง -3.2%, สหรัฐ-1.9% และไต้หวัน -1.4%,
• ขณะที่ FUND FLOW มีการลดความเสี่ยง สลับขายหุ้นในกลุ่มเอเชีย เหนือ และกลับมาซื้อเอเชียใต้มากขึ้น ส่วน SET คาดความผันผวนมา จากหุ้นส่งออก แนะหลบเข้าหุ้นโรงไฟฟ้า GULF, BPP หุ้นรับนโยบาย รัฐ CPAXT, ERW และหุ้นงบ 3Q68 สวย TRUE, BGRIM, MAJOR, ADVANC, MTC

 

HORIZON MARKET VIEW

ความตึงเครียดการค้ารอบใหม่กลับมาอีกแล้ว
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังเป็นปัจจัยเสี่ยงระยะสั้น เริ่มตั้งแต่
• วันที่ 9 ต.ค.68 จีนได้ประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมี ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตสินค้า HIGH TECH
• วันที่ 10 ต.ค.68 ปธน. ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีนทั้งหมด และคุมเข้ม การส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 68 กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลง ราว1.9% -3.5%
• วันที่ 12 ต.ค.68 ปธน. ทรัมป์มีท่าทีอ่อนลง ระบุว่า “ทุกอย่างจะเป็นไปในทางที่ดี และสหรัฐฯ ไม่ต้องการ ทำร้ายจีน” อีกทั้งมาตรการภาษีรอบใหม่ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ทันที ทำให้เกิดความคาดว่าจะมีการ เจรจาเพิ่มเติม ขณะที่ เบสเซนต์เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงเป็นไปในทางที่ดี เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ จะมีการหารือกันที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ ซึ่งความตึงเครียดที่ดูผ่อนคลาย ลงหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัว1.3% -2.8%

 

อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียมทางการค้าที่เพิ่มขึ้น อาจกดดันภาคการส่งออกไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออก จากไทยไปสหรัฐฯ ชะลอตัวลง อีกทั้งในเดือน ส.ค. 68 มาตรการภาษีสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ไทยเกินดุล กันสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 3,840 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ -15.5%MOM หลังจากที่การเร่งส่งออกไปในช่วง 1H68

 

อีกประแด็นที่น่าจับตาในสหรัฐฯ คือ ระยะเวลาของการเกิด GOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ ล่าสุดจาก ผลการสำรวจจอง KALSHI เผยความน่าจะเป็นที่รับาลสหรัฐฯ จะ SHUTDOWN มากกว่า 20 วัน มีน้ำหนัก มากกว่า 80% แล้ว ซึ่งผลกระทบทำให้การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าช้า โดยตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันที่ 15 ต.ค. 68 ถูกเลื่อนไปเป็นวันที่ 24 ต.ค. 68 ซึ่งก่อนหน้าเพียงไม่กี่วันที่ FED จะประชุมใน 29 ต.ค. 68

 

REGION RADAR

ความต้องการใช้พลังงานสะอาดมีมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานนิวเคลียร์
พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากใน DATA CENTER โดยกระแสการลงทุนใน DATA CENTER ที่มากขึ้นของ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ต่างๆ ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้ามีมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานสะอาด โดยสัดส่วน การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินและก๊าซเริ่มลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การใช้พลังงานสะอาดเริ่มเป็นที่นิยมขึ้น อาทิ พลังงานนิวเคลียร์และพลังงานแสงอาทิตย์

 

จากกระแสความต้องการพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มากขึ้น กองทุน ASP-POWER มีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์ โดยกองทุนนี้เน้นลงทุนใน ETF ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ อย่าง VANECK URANIUM AND NUCLEAR ETF ซึ่ง ETF นี้ถือหุ้นอย่างเช่น OKLO INC ที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา 1 เดือนให้ ผลตอบแทนราว 87% และ 1 ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนราว 1300%

 

กลุ่ม RARE EARTH ปรับตัวขึ้นแรงหลังจากประเทศจีนคุมเข้มด้านการส่งออก
นอกจากนี้ อีกกลุ่มที่ตลาดกลับมาให้ความสนใจในช่วงนี้คือกลุ่ม RARE EARTH โดยประเทศจีนเป็นผู้ผลิต RARE EARTH รายใหญ่ที่สุดในโลก และปัจจุบันทางจีนได้มีการคุมเข้มเรื่องการส่งออก RARE EARTH ส่งผลให้ ราคา RARE EARTH ในตลาดโลกมีการปรับตัวขึ้นแรง เป็น SENTIMENT บวกต่อหุ้นกลุ่มนี้ แนะนำเก็งกำไร REMX US ซึ่งเป็น ETF ที่เน้นลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ RARE EARTH

 

THAI FOCUS

ผลกระทบต่อเนื่องจากประเด็น TARIFF 2.0 กดดันยอดส่งออกแต่ละประเทศหดตัวลง
ประเด็น TARIFF 2.0 ที่ร้อนแรงขึ้น หนุนยอดส่งออกหลายประเทศส่งสัญญาณขยายตัวอัตราที่ชะลอตัวลง YOY นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 68 อาทิจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และไทย

 

หากพิจารณาเฉพาะประเทศไทย ยอดส่งออกสะสม 8 เดือน (ม.ค.–ส.ค.) 2568 ของไทย เป็นมูลค่า223,175 ล้าน เหรียญฯ เพิ่มขึ้น 13.3%YOY จากหลายบริษัทอาจ “เร่งส่งออก” (FRONT-LOADING) ก่อนมีผลกระทบของ นโยบาย/ภาษี ทำให้ช่วงต้นปีดูเติบโตสูง แต่เมื่อแรงเร่งนั้นหมดไป อัตราการเติบโตก็ชะลอลงเป็นปกติหรือหดตัว เสริมด้วยปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงตั้งแต่ต้นปีกว่า5.1%(YTD) โดยการส่งออกเดือนส.ค.68 +5.8% YOY (ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน) ขณะที่การส่งออกเดือนก.ย.68 หลายสำนักเศรษฐกิจคาดการณ์ว่าจะเติบโตชะลอเหลือ +2% ถึง +3%YOY เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ GDP ไทย เนื่องจากมูลค่าส่งออกมีสัดส่วนราว 69- 70%ของ GDP ทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตามนโยบายการคลัง อาจเข้ามาช่วยได้ถูกจังหวะ โดยการประชุม ครม.วันนี้ ลุ้นมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจได้แก่ แผนเร่งดึง FDIจากการเสนอของสภาพัฒน์ (สศช.)และแผนดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยว ตามการเสนอจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่เตรียมเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (WORLD CAPITAL MARATHON SERIES) รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK ประจำปี 2458 –2590 (3 ปี)ซึ่งต้องติตตามผลลัพธ์ว่าจะกระตุ้น GDP ได้มากน้อยเพียงใด

 

SYNAPSE STRATEGY

หุ้น TECH และหุ้นส่งออกไทย มีโอกาสผันผวนตามกระแสโลก
ช่วง 2 วัน ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก จากประเด็น TARIFF อีกครั้ง กดดัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่อิงกับหุ้นกลุ่ม TECH ส่งออก อาทิ ตลาดหุ้นฮองกง -3.2%, สหรัฐ -1.9% และไต้หวัน -1.4%

 

ขณะที่ FUND FLOW มีการลดความเสี่ยง ในวานนี้มีการสลับขายหุ้นในกลุ่มเอเชียเหนือ อย่าง ตลาดหุ้นไต้หวัน - 1.63 พันล้านเหรียญ, เกาหลีใต้ -642 ล้านเหรียญ และกลับมาซื้อเอเชียใต้มากขึ้น อย่าง อินโดนีเซีย +139 ล้าน เหรียญ และฟิลิปปินส์ +2 ล้านเหรียญ

 

ส่วน SET INDEX คาดความผันผวนมาจากหุ้นส่งออกเป็นหลัก แนะหลบเข้าหุ้นโรงไฟฟ้า GULF, BPP หุ้นรับ นโยบายรัฐ CPAXT, ERW และหุ้นงบ 3Q68 สวย TRUE, BGRIM, MAJOR, ADVANC, MTC

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์