ภาวะตลาด SET Index วันศุกร์ร่วงแรง โดยปิดตลาดที่ 1286.98 ลดลง -27.01 จุด หรือ -2.06% มูลค่าซื้อขาย 3.7 หมื่นลบ. ปัจจัยกดดัน คือ ความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน หลังจีนประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีผลิตแร่หายากเมื่อ 9 ต.ค.25 โดยมีผลบังคับใช้ทันทีและทรัมป์ ประกาศตอบโต้ด้วยมาตรการภาษี, ไทยเป็นวันหยุดยาว, มีแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่, DELTA ติด Cash Balance ช่วง 10-30 ต.ค.25 นักลงทุนสถาบันในปท.ขายสุทธิ -200 ลบ. ส่วนต่างชาติขายสุทธิ -1.68 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ: รมว.คลังสหรัฐระบุ ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีนยังอยู่ในทิศทางที่ดี การเก็บภาษีนำเข้าเพิ่ม 100% อาจไม่จ าเป็นต้องเกิดขึ้น โดยจนท.สหรัฐและจีนจะหารือกันสัปดาห์นี้ (นอกรอบการประชุม World Bankและ IMF)และปธน.ทรัมป์ มีกำหนดพบปธน.สี จิ้นผิง ในการประชุมเอเปค ที่เกาหลีใต้สิ้นต.ค.นี้
• สหรัฐ: ประธานาธิบดีทรัมป์ สั่งการให้รมว.กลาโหมใช้เงินทุนทั้งหมดที่ใช้ได้ เพื่อให้มั่นใจว่ากองทัพจะได้รับเงินเดือนในวันที่ 15 ต.ค.25 ท่ามกลางภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางที่ ยังเกิดขึ้น (เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.) ล่าสุดมีรายงานว่ามีการเลิกจ้างพนักงานหลายสิบคนที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)
• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์ จากคลายกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน หลังทรัมป์ มีท่าทีอ่อนลง สัญญาน้ำมันดิบ WTI & Brent รีบาวด์ +1% เป็น 59-63 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาทองค าพุ่งขึ้น +132.6 US$ สู่ 4,133 US$/ออนซ์ นวค.หลายรายคาดราคาทองจะแตะ 5,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2029
• ดัชนีค่าเงิน US$ อยู่ที่ 99.36 ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเล็กน้อยเป็น 32.57 Bt/US$ ส่วน US bond yield 10 ปี ลดสู่4.06% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 104.4 ดัชนี Baltic Dry Index ปรับขึ้นเป็น 2,144

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• เมื่อตลาดวอลล์สตรีทสะอึก...SET ก็กระเพื่อมตาม เราได้ทำการวิเคราะห์ค่า Pearson correlation ของผลตอบแทนรายเดือนระหว่าง SET Index กับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐย้อนหลัง 20 ปี พบว่า ค่าความสัมพันธ์ SET Index และดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐเป็นบวกที่ 0.45-0.60…ดังนั้นถ้าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐพักฐาน ก็มีโอกาสที่ SET Index จะอ่อนตัวตามไปด้วยซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับปัจจัยภายในประเทศ ในทางกลับกัน ถ้าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์หรือปรับขึ้นต่อ ตลาดหุ้นไทยก็มีโอกาสที่จะได้รับ Sentiment บวก
• รัฐบาลจะออกมาตรการภาษีหนุนท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง...เป็นข่าวบวกกับธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น โรงแรม, ค้าปลีกอุปโภคบริโภค, สถานีบริการน้ำมัน, สนามบิน, สายการบิน เป็นต้น หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวเป็น ERW, CENTEL, CPALL, PTG, AAV, BA

กลยุทธ์ : มีโอกาสเด้งจากระดับ 1285-1280, 1270...เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นไทยมีการพักฐานตามคาด ระยะสั้นมาก ถ้าสหรัฐ-จีนเจรจากันและมีแนวโน้มในางบวก (ซึ่งปธน.ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้กล่าวเปิดทางให้จีนเจรจา) ผนวกกับตลาดหุ้นสหรัฐเข้าสู่ช่วงรายงานผลประกอบการ 3Q25 ขณะที่รัฐบาลไทยเร่งเดินหน้านโยบายและมาตรการกระตุ้นต่อ ตลาดก็มีโอกาสรีบาวด์ ให้แนวรับไว้ที่ 1285-1280, 1270 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1290-1300, 1310-1315, 1320

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : KTB– คาดกำไรสุทธิ 3Q25F โตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ +24%YoY และ +24%QoQ เป็น 13.8 พันลบ. หนุนโดยกำไรจากการตีมูลค่าเงินลงทุนใน THAI 13.7 พันล้านบาทในงบกำไรขาดทุนงวด 3Q25F (จากการแปลงหนี้เป็นทุน) ด้านต้นทุนเครดิตคาดว่าจะตั้งเพิ่มขึ้นในจังหวะที่มีกำไรพิเศษเข้ามาหนุน นอกจากนั้นมี Upside risk การจ่ายปันผลที่อาจสูงขึ้นด้วยเราให้ KTB เป็นอีกหนึ่งในหุ้นเด่นกลุ่มธ.พ. แนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 27 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02