สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(2 ตุลาคม 2568)----ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 9 ราย กรณีสร้างราคาและปริมาณหุ้นของบริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (VL) โดยเรียกให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 10,854,500 บาท พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2563 และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ผู้กระทำความผิด 9 ราย ได้แก่ (1) นางสาวณีรนุช เพ็ชรประดับ (2) นายธีรพงษ์ ปรภาว์ (3) นางสาวเสาวนีย์ นิมิศิลป์ (4) นายยุทธิชัย ปราณี (5) นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ (6) นางสาวภรณี เมฆดำรงแสง (7) นายบวร รุ่งเรืองเนาวรัตน์ (8) นายณัฐปภัสร์ เกสร์ชัยมงคล (9) นายพิเชษฐ์ เพิ่มทรัพย์หิรัญ ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งด้านความสัมพันธ์ส่วนบุคคลและความสัมพันธ์ทางเงินได้ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
ทั้งนี้ ผู้กระทำความผิด 9 รายดังกล่าว ได้ร่วมกันกระทำการโดยแบ่งหน้าที่กันซื้อขายหุ้น VL ในลักษณะสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขาย โดยมีพฤติกรรมการส่งคำสั่งเสนอซื้อหรือเสนอขายหุ้น VL ในราคา ปริมาณ และเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดการจับคู่ซื้อขายกันเอง ส่งคำเสนอซื้อปริมาณมากหลายระดับราคา อันเป็นการขัดขวางการซื้อของนักลงทุนอื่น และมีการส่งคำสั่งเสนอซื้อในช่วงก่อนเปิดหรือช่วงก่อนปิดตลาด รวมถึงมีการส่งคำสั่งซื้อผลักดันราคา ในลักษณะมุ่งหมายให้ราคาหุ้น VL ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น VL เปลี่ยนแปลงผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
การกระทำของกลุ่มผู้กระทำความผิดจำนวน 9 รายข้างต้น เป็นความผิดฐานร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์ตามมาตรา 244/3(1)(2) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (แล้วแต่กรณี) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 9 ราย โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ดังนี้
- ให้ผู้กระทำผิด 5 รายดังต่อไปนี้ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด ได้แก่ นางสาวณีรนุช รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,083,457 บาท, นายธีรพงษ์ 1,205,630 บาท, นางสาวภรณี 1,311,747 บาท, นายบวร 1,308,472 บาท, และนายณัฐปภัสร์ 815,934 บาท ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลาคนละ 17 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลาคนละ 34 เดือน
- ให้ผู้กระทำผิด 3 ราย ได้แก่ นางสาวเสาวนีย์ นายยุทธิชัย และนายพิเชษฐ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้นคนละ 532,315 บาท ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลาคนละ 17 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลาคนละ 34 เดือน
- ให้นายศุภศิษฏ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 532,315 บาท ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 22.5 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 45 เดือน
มาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด
ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง