Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

96

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ Cross Asset Strategy Part 1
แนวโน้มตลาดการเงินช่วงไตรมาส 4/2025 - 2026
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ตลาดการเงินมีแนวโน้มเผชิญกับความผันผวนสูง จากแรงกดดันของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ปะทะกับแรงหนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางต่างๆ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ มีผลกระทบจำกัดกว่าที่ตลาดเคยกังวล เนื่องจากผู้ผลิตต่างชาติได้ช่วยดูดซับต้นทุนบางส่วน ประกอบกับการชะลอตัวของเงินเฟ้อภาคบริการและค่าเช่า ทำให้ Fed สามารถดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
เมื่อเข้าสู่ปี 2026 คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการผลิต สะท้อนจากดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders) ในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีนที่เริ่มปรับตัวขึ้นพร้อมกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อการผลิตและการจ้างงานในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า

กลยุทธ์การลงทุน: สภาวะตลาดในปี 2026 จะเอื้ออำนวยต่อสินทรัพย์หลากหลายประเภท โดยเฉพาะ ตลาดหุ้นโลก พันธบัตรรัฐบาลระยะกลางถึงยาว และทองคำ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ คาดว่าระดับ 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจะทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญ หลังราคาได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว และจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของราคามีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบมากกว่าการเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน เนื่องจากการเติบโตของอุปทาน
สำหรับตลาดตราสารหนี้ คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะลดลงสู่ระดับ 3.5% ซึ่งจะสนับสนุนตลาดหุ้น โดยแนะนำให้จัดสรรน้ำหนักการลงทุน (Core Allocation) ในตลาด สหรัฐฯ จีน และเวียดนาม โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์ AI
แม้ในระยะสั้นหลายๆ ตลาดอาจมีความเสี่ยงจากการปรับฐาน แต่มองว่าเป็นเพียงการพักตัวและเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนระยะยาวในการทยอยเข้าสะสม เพื่อรอรับแนวโน้มการลงทุนที่สดใสและมีปัจจัยรบกวนน้อยลงในปี 2026



สรุปภาพตลาดวานนี้
หุ้นไทยย่อกลับไปบริเวณใกล้ 127X อีกแล้ว เมื่อวานแรงขายหุ้นใหญ่ในหลายกลุ่ม ทั้งพลังงาน ธนาคาร ไอซีที และอิเล็กฯ มากันพร้อมหน้า จะมีแค่ AOT ที่พยุงไว้ ส่วนหุ้นไอพีโอน้องใหม่ติด TURBO บวกเด่นส่วนตลาด

แนวโน้มตลาดวันนี้
พลิกล็อค
หุ้นไทย “พลิกล็อค” เล่นแย่กว่าที่คาดหลุด 1280 จุด กลับลงมาตั้งหลักใหม่โซน 1270 จุด แรงขายทำกำไรหลักๆเมื่อวาน มาจาก นลท.ต่างชาติเทขายหุ้น พลังงาน และหุ้นใหญ่ เช่น DELTA THAI KTB

กรณีเทรดหุ้นทำรอบ เราขอทนถือหุ้นลุ้นดูอาการที่แนวรับ 1270 อีก 1-2 วัน หากผิดคาดเราพร้อมตัดขาดทุน และจะทยอยลดพอร์ตเพื่อไปรอรับล่าง
แต่ถ้าเรามาถูกทาง คือไม่หลุดจุดแนวรับ จิตวิทยาสำคัญ เราจะหาจังหวะเข้าเก็บหุ้นตามประเด็นลงทุนที่เรา แนะนำสำหรับรอบนี้ 1) หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังบาทเริ่มกลับมาทรงตัวอ่อนค่า เราแนะนำ หุ้นท่องเที่ยว AOT โรงแรม ส่งออก และหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภค 2) หุ้นรับนโยบายรัฐบาลอนุทิน เช่น คนละครึ่งพลัส OSP ICHI CBG CPAXT, เงินกู้ฉุกเฉิน, มาตรการสนับสนุนตลาดหุ้นไทย, WHAUP 3) ประเด็นรายตัว ความคืบหน้าโครงการส่งตัวผู้ป่วยคูเวตมารักษาที่ รพ.ไทย BH, หุ้นเชื่อมโยงราคาพลังงาน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ที่เล่นสอดรับกับทิศทางราคาพลังงานตลาดโลก PTTEP PTTGC TOP SCGP IVL

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้-สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนวรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ เพิ่มการเล่นหุ้นตามกระแสการเก็งกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET Index
The Final Stage of 2025 ผ่านพันไตรมาส 3/25 ไปแล้ว และกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี 2025
Down theory บ่งชี้ดัชนีอยู่ในช่วงฟื้นตัว “Accumulation Phase” สะสมพลัง มองโอกาสปรับตัวขึ้นในเดือนต.ค.
ELLIOT WAVE แบ่งเป็น คลื่นหลัก ดัชนีอยู่ในรอบขาขึ้น Impulse wave 3 คลื่นย่อย ปรับฐาน corrective wave C ปลายทางขาลง
Fibonacci retracement & EMA แสดงตำแหน่งแนวรับบริเวณ 1,275 และ 1,250 จุด (worst case 1,240)
Indicator analyst ภาพรายเดือนโมเมนตัม RSI MACD Stochastic แสดงจุดกลับตัว
สรุป: แนวโน้มตลาดเดือนต.ค. downside risk ลงไม่มาก แนะเป็นโอกาสของการย่อสะสมเลือกซื้อหุ้นบริเวณโซนรับทีให้ไว้ โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,330 จุด
**เงื่อนไขผิดทาง SET ห้ามลงต่ำกว่า 1,240 จุด

 


What to watch
ธปท. กล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาล ที่เตรียมจะทำโครงการ "คนละครึ่งพลัส" และเติมเงินเพิ่มในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้งบประมาณ รวมกว่า 66,000 ล้านบาทว่า หากพิจารณาในส่วนของเม็ดเงินดังกล่าว ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 0.4% ของ nominal GDP ก็อาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด เนื่องจากมาตรการดังกล่าวถือเป็นเงินโอน ที่ช่วยในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน แต่ไม่ได้ช่วยในเรื่องการสร้างงานเพิ่มขึ้น
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวม 2 โครงการ โดยเฉพาะ "คนละครึ่ง" คาดว่าจะมีผลต่อ GDP ประมาณครึ่งหนึ่งของ 0.4% หรือราว 0.2% ของ GDP
กล่าวถึงกรณีมีการปรับ Outlook ของธนาคารพาณิชย์บางแห่งว่า เป็นการปรับตาม Outlook ของประเทศ ซึ่งธนาคารที่ถูกปรับ Outlook จะเป็นธนาคารที่มีความเชื่อมโยงกับภาครัฐมากกว่าแห่งอื่น จึงทำให้มีการปรับที่สอดคล้องกับ Outlook ของประเทศ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาฐานะของธนาคาร และการดำเนินงาน ถือว่ายังอยู่ในระดับที่เป็นปกติ
ติดตามการผลกระทบจากการปรับน้ำหนัก SET50/SET100 ตามเกณฑ์ capped weight 10% (รีวิวรายไตรมาส) คาด 1 ต.ค. นี้ โดยจะมีเม็ดเงินไหลออกจาก DELTA (Wealth Research คาดราว 2.8 พันล้านบาท โดยอิงจาก Index Fund) ไปเข้า PTT ADVANC GULF AOT PTTEP เป็นหลัก
ครม. ออกแนวทางคนละครึ่ง พลัส ชัดเจนแล้ว คาดกระจายให้สิทธิราว 33 ล้านราย โดยงบปี 2568 + 2569
ดัชนี ISM ภาคผลิตสหรัฐ เริ่มฟื้นตัว จาก 48.7 เป็น 49.2

หุ้นแนะนำวันนี้
CBG อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และกลุ่มธุรกิจช่องทางจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาดรับข่าวบวกความร่วมมือกับ เบียร์ ชิงเต่า จากจีน
แนวรับ 54 ต้าน 56 Stop loss 52

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

Bank Sector
NIM กดดันไปต่อเนื่องจนปี 2026
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q25 ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท ลดลง 1% YoY และ 4% QoQ กดดันจาก NIM ที่ลดลง และ credit cost ที่สูงขึ้น โดยธนาคารที่คาดว่าจะรายงานกำไรลดลง YoY นำโดย BBL, TTB, KBANK, TISCO, SCB และ KKP โดยเราคาดว่ามี KTB เพียงธนาคารเดียวที่จะรายงานกำไรเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาสนี้ จากการบันทึกกำไรจากการตีมูลค่าตลาดเงินลงทุนของ THAI เข้ามาในงบกำไรขาดทุน สำหรับทิศทางคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้น 3Q25 เราคาดว่าน่าจะยังบริหารจัดการได้

เราคาดว่าทิศทางกำไรของกลุ่มธนาคารจะเผชิญแรงกดดันจาก NIM ที่จะอ่อนตัวลงต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เพราะนักเศรษฐศาสตร์เราคาดว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้ และจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้ง ในช่วงต้นปี 2026 ทำให้เราคาดว่ากำไร 4Q25 ของกลุ่มธนาคารจะปรับลดลงต่อเนื่องอีก 18% YoY และ 22% QoQ
เมื่อมองไปในปีหน้า เราคาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารในปี 2026 จะลดลง 9% YoY กดดันหลักๆ จาก NIM ที่จะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง และ cost to income ratio ที่ปรับสูงขึ้น

DELTA
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)
TRADING BUY with air pockets along the way
ใน 2Q25 DELTA เผชิญแรงกดดันด้านมาร์จินจากค่าเงินและ Product mix ส่วนสัดส่วนรายได้จากสินค้า Data Center และ AI อยู่ที่ 42% ของยอดขาย ลดลงเล็กน้อยจาก 45% ใน 1Q ทำให้ดูทรงตัว

มองไปข้างหน้า 3Q25 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ เราคาดว่าแม้เงินบาทแข็งขึ้นอีก 4% ซึ่งอาจกดมาร์จินลงราว 0.5ppt แต่ยอดขาย Data Center จะกลับมาเป็นตัวนำ คาดว่า DC โต 25% QoQ และยอดขายรวมโต 10% QoQ หนุนให้ GM ขยับขึ้นมา 27.5% ในดอลลาร์ และ 27% ในบาท ส่งผลให้กำไรหลักคาด 6.4–6.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25–30% QoQ และ 3–5% YoY ซึ่งจะเป็นระดับ record high และตามสถิติแล้วหุ้น DELTA มักทำ new high ราคาตามกำไร ทำให้มีโอกาสทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 173.5 บาท

อย่างไรก็ตาม rally นี้ก็มีแรงต้านอยู่สองด้าน คือค่า PER ที่ยังสูงถึง ~107 เท่า ที่ราคาประมาณ 160 บาท เสี่ยงถูกมาตรการ และ capped weight 10% ที่กดดันไปสัปดาห์ก่อนหน้า/ต้นสัปดาห์นี้

เราประเมินโอกาสเก็งกำไรจากคาด 3Q25 มีโอกาสที่กำไรจะทำสถิติสูงสุด โดยปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 180 บาท

 

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

STECON
สเตคอน กรุ๊ป
ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ กทม. จ่ายคืนหนี้ O&M
กลุ่ม STECON (โดย STECX) เข้าถือหุ้น 50% ใน บจ. เวอร์ติคอล พระราม 9 อัลไลแอนซ์ 1 (NOBLE จะเหลือ 50%) เพื่อทำโครงการอสังหาฯ โครงการ นิว เอปิค อโศก-พระราม 9 เป็นคอนโด 1 อาคาร 4 ตึก คาดสร้าง 4Q25 (ยอดจอง 60%) แล้วเสร็จใน 31 เดือน
View from fundamental: แม้ Surprise ตลาด แต่เรายังไม่คิดว่าตลาดเล่นกลับจากข่าวนี้มาก เพราะยังมี Over-hang เรื่องถนนทรุดที่ JV กับ CK กดดันอยู่ จุดสำคัญ คือ เมื่อรู้มูลค่าความเสียหาย (ตอนนี้ ตลาดคาดอยู่ 1-2 พันลบ.) และระดับของการคาดว่าจะเคลมประกันได้ แล้วค่อยกลับมาเล่นกับเรื่องงานใหม่อีกครั้ง ดังนั้น ระยะสั้นแนะนำ Wait-and-see แต่นักลงทุนที่มีหุ้นแล้วยังถือต่อไปได้

BTS
บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
ที่ประชุมคณะผู้บริหาร กทม. เห็นชอบในหลักการจ่ายคืนหนี้ O&M
วันที่ 30 ก.ย. 2025 ที่ประชุมคณะผู้บริหาร กทม. เห็นชอบในหลักการและกรอบวงเงิน เพื่อขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2026 โดยการจ่ายขาดจากเงินสะสม ในกรอบวงเงินไม่เกิน 32,625 ล้านบาท
View from fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น positive sentiment ต่อราคาหุ้น นอกจากนั้นแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน 2Q25 (ก.ค.-ก.ย.) น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ”

OR
ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก
แจ้งการเลิกบริษัทร่วมทุนในเวียดนาม
วันที่ 30 ก.ย. 2025 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้ดําเนินการเลิกบริษัท ORC Coffee Passion Group Joint Stock Company (ORCG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในเวียดนามที่ OR ถือหุ้น 60% และกลุ่มบริษัทเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จํากัด (CRG ) ถือหุ้น 40% เนื่องจากสภาพตลาดมีการแข่งขันสูง
View from fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น positive sentiment ต่อราคาหุ้น นอกจากนี้ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ OR น่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลให้อยู่ในช่วง 3.6-4.0% ต่อไปในอนาคตได้ เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ”


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

DELTA พาSETเด้ง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ใครกัน ลาก กระชาก หุ้นDELTA พาSET เด้ง งานนี้ บริษัท DELTA ไม่รู้ แต่ ฝ่าย...

MMM ต้อนรับคณะนักลงทุน IAT อัปเดตแผนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น ก่อนเทรดตลาด mai

MMM ต้อนรับคณะนักลงทุน IAT อัปเดตแผนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น ก่อนเทรดตลาด mai

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้