Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

92

 

สินทรัพย์เสี่ยง CONCERN SHUTDOWN สหรัฐฯ

HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ จีนเผยตัวเลข PMI เดือน ก.ย. 68 โดยภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 49.8 จุด ดูดี ขึ้นกว่าคาด แต่ยังอยู่ในโซนหดตัว อย่างไรก็ดีภาคบริการยังคงอ่อนแรงหลังสิ้นสุด ฤดูท่องเที่ยว อีกทั้งการลงทุนภาครัฐอ่อนแรงลง โดยเฉพาะในภาคก่อสร้าง สะท้อน ว่ามาตรการกระตุ้นของรัฐยังไม่เพียงพอ
• ขณะที่สหรัฐฯ มี 2 ประเด็นหลักๆ ที่ต้องจับตาในวันนี้ คือ ตัวเลข PMI ภาคการผลิต เดือน ก.ย. 68 (คาด 49 จุด) และความเสี่ยง GOVERNMENT SHUTDOWN
• เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติม ในการกำหนดนโยบายการเงินของ FED หากเศรษฐกิจ สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลง อาจทำให้การลดดอกเบี้ยมีความชัดเจนขึ้น ส่วนใน แง่มุมของ FEDWATCH TOOL ล่าสุดให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 96.7% คาด FED ลด ดอกเบี้ยในการประชุม ต.ค. นี้

 

REGION RADAR
• NIKE รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปีบัญชี 2026 ออกมาดีกว่า คาด โดยรายได้พลิกกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในรอบกว่า 5 ไตรมาส หนุนจากรายได้การขายผ่านช่องทาง WHOLESALE ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ EPS อยู่ที่ $0.49 -30% YOY (สูงกว่าคาด 75%) แนะนำเข้า เก็งกำไรระยะสั้นสำหรับ NIKE
• กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 4 ฝ่ายวิจัยฯ มองตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ น้ำหนัก SLIGHTLY UNDERWEIGHT ด้านตลาดหุ้นยุโรปให้น้ำหนัก NEUTRAL ขณะที่ตลาดหุ้นจีนให้น้ำหนัก SLIGHTLY OVERWEIGHT

 

THAI FOCUS
• รมต.คลัง แจงนโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วนตั้งเป้าเห็นผล 4 เดือน ดัน GDP 4Q68 โตเกิน 0.3%YOY จาก 5 เสาหลักนโยบาย ได้แก่ การ กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว, ลดภาระหนี้ประชาชน, เพิ่มสภาพ คล่องให้ SME, เพิ่มออมประชาชนลงทุนเพื่ออนาคต
• ยามที่นีกลงทุนคาดหวังนโยบายการคลังเข้ามาเสริมแบบนี้ ทำให้ บทบาทของนโยบายการเงินลดน้อยลง สังเกตได้จาก BOND YIELD ไทยที่ดีดตัวสูงขึ้น อาจสะท้อนความคาดหวังน้อยลงที่จะเห็นการลด ดอกเบี้ยเดือน ต.ค.68

 

SYNAPSE STRATEGY ตัวเลขแรงงานสหรัฐฯอ่อนแอลง
• 2 สัปดาห์ ค่าเงินบาทอ่อนค่า 2.4% ที่ 32.45 บาท/เหรียญ (อ่อนค่า สุดในรอบ 2 เดือน) พร้อมกับ FUND FLOW ไหลออกจากตลาดหุ้น ไทย 1.2 หมื่นล้านบาท กดดัน SET ย่อตัว -2.7% เหลือ 1274 จุด
• กลยุทธ์SET ผันผวนช่วงนี้ แต่นโยบายการคลังเริ่มขับเคลื่อน พร้อม กับความคาดหวังนโยบายการเงินหนุน ช่วงไตรมาส 4 นี้ แนะสะสม MTC, TISCO, AP, ICHI, BCH, CPALL, BJC, CPN

 

HORIZON MARKET VIEW

ตลาดหุ้นตกอยู่ในสภาวะทรงตัว
วานนี้จีนเผยตัวเลข PMI เดือน ก.ย. 68 โดยภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 49.8 จุด ดูดีขึ้นกว่าคาด แต่ยังอยู่ในโซนหด ตัว (PMI < 50) อย่างไรก็ดีภาคบริการยังคงอ่อนแรงหลังสิ้นสุดฤดูท่องเที่ยว อีกทั้งการลงทุนภาครัฐอ่อนแรงลง โดยเฉพาะในภาคก่อสร้าง สะท้อนว่ามาตรการกระตุ้นของรัฐยังไม่เพียงพอ และคาดหวังจะเห็นแรงผลักเพิ่มเติม

ขณะที่สหรัฐฯ มี 2 ประเด็นหลักๆ ที่ต้องจับตาในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติม ในการกำหนดนโยบายการเงิน ของ FED หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลง อาจทำให้การลดดอกเบี้ยมีความชัดเจนขึ้น ส่วนในแง่มุมของ FEDWATCH TOOL ล่าสุดให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 96.7% คาด FED ลดดอกเบี้ยในการประชุม ต.ค. นี้

 

1. การรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 68 โดย CONSENSUS คาดไว้ที่ระดับ 49 จุด ซึ่งยังอยู่ในโซนซบเซา (PMI < 50) แต่ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่48.7

 

2. ความเสี่ยง GOVERNMENT SHUTDOWN ในสหรัฐฯ หลังเดโมแครตปัดร่างกฎหมายชั่วคราว ด้วยคะแนนเสียง 55 : 45โดยผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น คือ พนักงานรัฐบาลกลางอาจถูกพักงานชั่วคราว ถึง 750,000 คน และเจ้าหน้าที่จำเป็น เช่น ทหาร จะต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างชั่วคราว ทั้งนี้ BLOOMBERG คาดว่า หากชัตดาวน์ยาว 3 สัปดาห์อาจทำให้อัตราว่างงานสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเป็น 4.6%– 4.7% (จาก 4.3%) ซึ่งพนักงานรัฐบาลกลางที่ถูกพักงานจะถูกนับว่า “ว่างงานชั่วคราว” แต่จะกลับมา นับเป็น “มีงานทำ” เมื่อรัฐบาลเปิดอีกครั้ง

 

REGION RADAR

NIKE รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปีบัญชี 2026 ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด
บริษัทรายงานรายได้รวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ $1.17 หมื่นล้าน +1.1% YOY (สูงกว่าคาด 6.4%) ซึ่งรายได้พลิก กลับมาเติบโตได้อีกครั้งในรอบกว่า 5 ไตรมาส หนุนจากรายได้การขายผ่านช่องทาง WHOLESALE ที่แข็งแกร่ง อยู่ที่ $6.8 พันล้าน +6.1% YOY (สูงกว่าคาด 8.3%) ขณะที่ EPS อยู่ที่ $0.49 -30% YOY (สูงกว่าคาด 75%) อย่างไรก็ตาม บริษัทเตือนว่าภาษีศุลกากรจะกระทบ $1.5 พันล้านในปีนี้ (เดิมคาด $1 พันล้าน) เนื่องจาก โรงงานผลิตส่วนใหญ่ตั้งในประเทศเวียดนามซึ่งถูกเก็บภาษีในระดับที่สูง

 

หุ้นต่างประเทศเด่นสำหรับงวด 4Q68
กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 4 นี้ สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้น้ำหนัก SLIGHTLY UNDERWEIGHT แนะนำลงทุน ในหุ้นกลุ่ม DEFENSIVE เป็นหลักอย่าง BRK US (DR:BRKB80) และหุ้น TURN AROUND: GRAB US (DR: GRAB80) ด้านตลาดหุ้นยุโรปให้น้ำหนัก NEUTRAL โดยเน้นเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่ม DEFENSE: RHM GR และ BA/ LN จากสถานการณ์ความตึงเครียดด้านภูมิศาสตร์ที่สูงขึ้น และแนะนำทยอยสะสมหุ้นในกลุ่ม LUXURY อย่าง MC FP (DR: LVMH01) เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจ LUXURY ในประเทศจีน นอกจากนี้ ด้านตลาดหุ้นจีนให้น้ำหนัก SLIGHTLY OVERWEIGHT ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนต่อเนื่องใน ไตรมาส 4 โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม BIG TECH อย่าง TERRIFIC 10 ซึ่งชื่นชอบ 9988 HK (DR: BABA80), 700 HK (DR: TENCENT80), 1024 HK (DR:KUAISH80) รายละเอียดฉบับเต็ม สามารถติดตามได้ใน INVEST+ 4Q2568

 

THAI FOCUS

นโยบายการคลังเข้ามาเสริม บทบังนโยบายการเงินของ กนง.
วานนี้รมต.คลัง คุณเอกนิติแจงนโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วน กู้เศรษฐกิจชะลอติดหล่ม ตั้งเป้าเห็นผล 4 เดือน ยึด หลัก "กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว" ดัน GDP 4Q68 โตเกิน 0.3%YOY ซึ่งหมายความว่า GDP 2568F มีโอกาส โตเกิน 2.2%YOY จาก 5 เสาหลักนโยบาย ดังนี้

 

1.กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เร่งโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ,ขยายสิทธิ์ บัตร สวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย , ส่งเสริมการท่องเที่ยว เมืองรอง เพื่อลดความกระจุกตัว, เร่ง ขยาย ตลาดส่งออก หาตลาดใหม่
2. ลดภาระหนี้ประชาชน จัดตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อจัดการหนี้เสีย (NPL) และเน้นลดหนี้ครัวเรือน ที่กดดันกำลังซื้อ
3. เพิ่มสภาพคล่องให้ SME จัดมาตรการ สินเชื่อ-เงินทุนหมุนเวียน และลดภาระต้นทุนทางการเงิน
4. เพิ่มออมประชาชน ส่งเสริม กองทุนออมระยะยาว/กองทุนบำนาญ
5. ลงทุนเพื่ออนาคต เร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, พัฒนา ดิจิทัล-พลังงานใหม่-อุตสาหกรรมอนาคต และดึง การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)

 

รวมถึงรมว.คลัง เห็นด้วยกับข้อเสนอหน่วยงานตลาดทุน โครงการ TISA หรือ บัญชีเงินออมการลงทุนในหุ้น โดย นักลงทุนที่ซื้อในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาลงทุนในหุ้นไทยมาก ขึ้น และส่งเสริมการออม-ลงทุนระยะยาว แต่อาจมี“เงื่อนไขเรื่องการถือระยะเวลาหนึ่ง” เพื่อให้ได้สิทธิ์ทางภาษีซึ่ง เป็นประเด็นที่ต้องติตตามต่อไป

 

ดังนั้นในยามที่นีกลงทุนคาดหวังนโยบายการคลังเข้ามาเสริมแบบนี้ ทำให้บทบาทของนโยบายการเงินลดน้อยลง สังเกตได้จาก BOND YIELD ไทยที่ดีดตัวสูงขึ้น อาจสะท้อนความคาดหวังน้อยลงที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยเดือน ต.ค.68

 

SYNAPSE STRATEGY

SET INDEX ยังน่าลงทุนเมื่อเทียบกับ S&P500
2 สัปดาห์ ค่าเงินบาทอ่อนค่า 2.4% ที่ 32.45 บาท/เหรียญ (อ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือน) พร้อมกับ FUND FLOW ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย 1.2 หมื่นล้านบาท กดดัน SET ย่อตัว -2.7% เหลือ 1274 จุด

 

กลยุทธ์ SET ผันผวนช่วงนี้ แต่นโยบายการคลังเริ่มขับเคลื่อน พร้อมกับความคาดหวังนโยบายการเงินหนุน ช่วง ไตรมาส 4 นี้ แนะสะสม MTC, TISCO, AP, ICHI, BCH, CPALL, BJC, CPN ส่วน DR เด่น คือ BRKB80, GRAB80, LVMH01, BABA80, TENCENT80, KUAISH80

 

รายละเอียดอื่นๆ สามารถติดตามอ่านได้ในบทวิเคราะห์ INVEST+ 4Q68

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้