สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(29 กันยายน 2568)----นายวิเลิศ อรวรรณวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน)PTECH เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2568 ซึ่งได้จัดประชุมเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ได้พิจารณาและมีมติรับทราบการปรับแผนธุรกิจและแนวทางการ ดำเนินงานของบริษัทฯ โดยฝ่ายบริหารได้นำเสนอผลการประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งในประเทศและ ต่างประเทศ ซึ่งพบว่ามีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในธุรกิจรับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Manufacturing Services: EMS) โดยเฉพาะในส่วนของ PCB Assembly และ System Assembly ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของอุตสาหกรรม ดังกล่าว ภายใต้บริบทนี้ คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติในหลักการให้บริษัทฯ ขยายธุรกิจเข้าสู่สายธุรกิจ EMS เพื่อเสริมสร้าง ศักยภาพการแข่งขันและรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. วัตถุประสงค์และที่มาของการขยายธุรกิจ
• รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
• เสริมศักยภาพของบริษัทฯ ให้สามารถให้บริการแบบครบวงจร (One-Stop EMS Provider) แก่ลูกค้าที่ ต้องการ outsource การผลิต เพื่อมุ่งเน้นด้านวิจัย พัฒนา และการตลาด
• ใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ของ BOI และนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ

2. ขอบเขตธุรกิจใหม่
• Core Business: PCB Assembly และ System Assembly
• Business Model: รับจ้างผลิต (EMS Provider) ครอบคลุมตั้งแต่ parts procurement, PCB assembly, system assembly, quality testing และ logistics
• มาตรฐานและคุณภาพ: ตั้งเป้าหมายสู่มาตรฐานสากล เช่น Zero-Defect, Environmental Compliance และ ESG

3. ความก้าวหน้าและแผนการดำเนินงาน
• อยู่ระหว่างปรับพื้นที่และจัดตั้งโรงงาน พร้อมลงทุนเครื่องจักร SMT, ระบบทดสอบคุณภาพ และบุคลากรวิศวกร
• คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเริ่มด าเนินการผลิตและส่งออกได้ภายในปี 2568

4. ผลกระทบและโอกาส
• เพิ่มรายได้ระยะกลางถึงยาวจากการผลิตตามสัญญา (long-term order contract)
• กระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาธุรกิจเดิม
• เสริมความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และคู่ค้า

5. ความเสี่ยงและปัจจัยที่อาจมีผลกระทบ
• ความเข้มงวดของมาตรฐานสากลและข้อก าหนดทางการค้า
• การแข่งขันในระดับภูมิภาคและโลก
• ความเสี่ยงด้าน supply chain

6. การประเมินความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Analysis)
(1) ด้านตลาด (Market Feasibility)
• ความต้องการ EMS, PCB assembly, และ system assembly ขยายตัวต่อเนื่องจากอุตสาหกรรม EV, IoT, Smart Devices
• ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและอยู ่ในจุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน

(2) ด้านเทคนิคและการดำเนินงาน (Technical & Operational Feasibility)
• บริษัทฯ มีการจัดหาเครื่องจักร SMT และระบบทดสอบมาตรฐานสากล
• จัดเตรียมบุคลากรและทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ
• แผนการผลิตเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2568

(3) ด้านการเงิน (Financial Feasibility)
• โมเดล EMS มีความมั่นคงจากสัญญาการผลิตระยะยาว
• อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายสำคัญเพื่อสร้าง order pipeline ที่ชัดเจน
• จะช่วยสร้างรายได้ประจ า (recurring revenue) และกระจายความเสี่ยงด้านรายได้

(4) ด้านกฎหมายและสิทธิประโยชน์ (Legal & Regulatory Feasibility)
• สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุน BOI
• ไม่พบอุปสรรคด้านกฎหมายที่กระทบต่อการก่อสร้างและการผลิต

สรุปภาพรวมความเป็นไปได้
โครงการมีความเป็นไปได้สูงทั้งด้านตลาด เทคโนโลยี และกฎหมาย ขณะที่ความเสี่ยงหลักอยู่ที่เงินลงทุนและ การแข่งขัน แต่สามารถบริหารจัดการได้ด้วยการวางแผน order pipeline และควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

7. การประเมินความพร้อมของบริษัทฯ
(1) ด้านเงินทุน
• ในระยะเริ่มต้น บริษัทฯ มิได้มีความจ าเป็นต้องใช้เงินลงทุนในระดับสูง อีกทั้งยังคงมีเงินทุนหมุนเวียน เพียงพอรองรับการขยายธุรกิจ
• ในกรณีที่มีการขยายการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต บริษัทฯ จะพิจารณาแสวงหาแหล่งเงินทุนใหม่ที่เหมาะสม ตามความจ าเป็น
• การลงทุนในธุรกิจ EMS มิได้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ

(2) ด้านบุคลากรและการบริหารจัดการ
• บริษัทฯ มีบุคลากรในธุรกิจปัจจุบันที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับกระบวนการ EMS ซึ่งสามารถ นำมาปรับใช้และหมุนเวียนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของธุรกิจใหม่ พร้อมทั้งได้จัดหาผู้บริหารที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ EMS เข้ามากำกับดูแลโดยตรง
• การจัดสรรบุคลากรดังกล่าวมิได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของธุรกิจหลักแต่อย่างใด

(3) ด้านโครงสร้างพื้นฐานและสถานที่ตั้ง
• บริษัทฯ มีการจัดเตรียมสถานที่และโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจ EMS
• พื้นที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เอื้อต่อการจัดหาชิ้นส่วน การขนส่ง และการเชื่อมต่อกับคู่ค้าและลูกค้า

(4) ด้านพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้า
• อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายสำคัญเพื่อสร้าง Order Pipeline ล่วงหน้า
• มีการสร้างความร่วมมือกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อให้มั่นใจใน ความต่อเนื่องของการผลิต

ทั้งนี้ การเข้าสู่ธุรกิจ EMS ถือเป็นการต่อยอดที่สำคัญ และนับเป็น New S-Curve ของบริษัทฯ ที่จะช่วยเสริมสร้าง ความแข็งแกร่งและความยั่งยืนในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการ กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ (Business Diversification) โดยลด การพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจหลักเพียงประเภทเดียว และเพิ่มความสมดุลระหว่างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจดั ้งเดิมกับรายได้ที่มี ศักยภาพการเติบโตสูงจากธุรกิจใหม่

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจหลักด้านการผลิตบัตรพลาสติกซึ่งมีฐานลูกค้าที่ แข็งแกร่งและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 บริษัทฯ สามารถคว้าความสำเร็จจากการปิดดีลโครงการสำคัญทั้ง ภาครัฐและเอกชนหลายรายการ อาทิ
• บัตร Smart Card Rabbit ของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
• บัตรพลาสติกของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ เช่น CardX ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
• บัตรพลาสติกของสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
• โครงการภาครัฐ เช่น บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) ของกรมการปกครอง

ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้ารายใหญ่ในศักยภาพและมาตรฐานการดำเนินงานของบริษัทฯ ตลอดจนความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักที่ยังคงสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อผนวกรวมกับการขยายเข้าสู่ธุรกิจ EMS ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง บริษัทฯ จึงอยู่ในจุดแข็งที่ สามารถสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงจากธุรกิจเดิม และโอกาสการเติบโตจากธุรกิจใหม่ ทั้งยังช่วยเสริมความยืดหยุ่น ในการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจและการแข่งขันในอนาคต อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นและสร้าง ความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและคู่ค้าได้อย่างยั่งยืน