สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 26 กันยายน 2568)-------PTTGC เดินแผนกลยุทธ์ Asset Light & Portfolio Transformation   บอร์ด มีมติขายหุ้น ไทยแท้งค์เทอร์มินัล 35.43% มูลค่า 4,403 ล้านบาท ไม่รวมค่าตอบแทนเพิ่มเติม พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ ตามโครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก    




นาย ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)PTTGC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทฯ ครั้งที่11/2568 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 ได้มีมติอนุมัติในเรื่องที่สำคัญตามที่เรียนรายละเอียดด้านล่าง ดังต่อไปนี้

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้ดำเนินการการเปิดเผยสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาด หลักทรัพย์”) ในวันที่ 25 กันยายน 2568 เนื่องจากคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องคือบริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (“PTT TANK”) และ บริษัทย่อยของ PTT TANK ที่จะได้จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ้ง PTT TANK ได้นำเสนอการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวต่อที่ ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่25 กันยายน 2568 ดังนั้น บริษัทฯ จึงเห็นสมควรเปิดเผยข้อมูล ธุรกรรมดังกล่าวในวันเดียวกัน เพื่อให้การเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์เป็นไปอย่างครบถ้วน ชัดเจน และสร้างความเชื่อมั่น ต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย


1. ธุรกรรมการขายหุ้นบางส่วนในบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด
1.1 มีมติเห็นชอบให้บริษัทฯ ขายหุ้นสามัญของบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (“TTT”) ซึ่งมี มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ให้แก่ PTT TANK จำนวน 4,463,999 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 35.43 ของ จำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TTT ในราคาหุ้นละประมาณ 986.34 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น จำนวน 4,403,000,000 บาท (“ธุรกรรมการขายหุ้น”) ทั้งนี้บริษัทฯ อาจได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติม (Earn Out) ซึ่ง คำนวณจากมูลค่าปัจจุบันของประมาณการกระแสเงินสดที่ TTT จะได้รับจากการต่อสัญญาบริการถังบรรจุอีเทนที่ทำกับ บริษัทฯ ในช่วงระหว่างปี 2587 ถึง 2595 เป็นจำนวนสูงสุดไม่เกิน 604 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะได้รับชำระค่าตอบแทน ส่วนนี้เมื้อบริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาบริการถังบรรจุอีเทนกับ TTT ตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาซื้อขายหุ้นแล้ว นอกจากนี้ ราคาซื้อขายอาจมีการปรับลดลง หากมูลค่าโครงการสร้างถังบรรจุอีเทนหลังประกวดราคาสูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ โดยการปรับลดราคาซื้อขายดังกล่าวจะดำเนินการภายหลังวันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในสัญญา และมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ PTT TANK (โดยสัญญาซื้อขายหุ้นมีข้อกำหนดเกี่ยวกับ เงื่อนไขบังคับก่อนสำหรับการเสร็จสมบูรณ์ของธุรกรรม ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขบังคับก่อน ได้แก่ การที่บริษัทฯ ต้องได้รับอนุมัติ จากที่ประชุมผู้ถือหุ้น) โดยธุรกรรมการขายหุ้นดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization) ของบริษัทฯ


ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมการขายหุ้นแล้ว บริษัทฯ จะยังคงถือหุ้นใน TTT จำนวน 126,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.00 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TTT เพื่อให้โครงสร้างการถือหุ้นของ TTT เป็นไปตามเงื้อนไขที่กำหนดไว้ว่าให้ผู้ถือหุ้นเดิมต้องถือหุ้นรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51.00 ภายใต้สัญญาร่วมลงทุน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่ง TTT ทำกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การเข้าทำธุรกรรมการขายหุ้นดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์ Asset Light & Portfolio Transformation และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยโครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization) เป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรักษาความมั่นคงของบริษัทฯ โดยภายหลังจากการเข้าท าธุรกรรม ดังกล่าว คาดว่าบริษัทฯ จะมีเงินสดเพิ่มขึ้น ช่วยท าให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้น ลดภาระหนี้สิน และช่วย ให้บริษัทฯ สามารถมุ่งเน้นธุรกิจหลัก



2. ธุรกรรมการปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์

2.1 มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทฯ จะ ดำเนินการขายทรัพย์สิน และเช่าทรัพย์สินกลับบางส่วนรวมถึงรับบริการท่าเทียบเรือและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อใช้ในการ ดำเนินงาน ซึ่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานบางส่วนของบริษัทฯ สาขาที่ 7 ท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ (Buffer Tank Farm - BTF) ได้แก่ ท่าเทียบเรือ ถังเก็บผลิตภัณฑ์ ระบบขนถ่ายสินค้าทางรถบรรทุก เครื่องมือและอุปกรณ์ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการโอนสิทธิการให้บริการแก่ลูกค้า และสิทธิในการใช้ที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ ณ อำเภอเมืองระยอง จังหวัด ระยอง ตลอดจนการโอนใบอนุญาตที่สำคัญที่ใช้ในการประกอบกิจการท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าว (“การ ปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์”) รวมทั้งการเข้าทำสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยธุรกรรม ดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization) ของบริษัทฯ


การเข้าทำธุรกรรมการปรับโครงสร้างธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสอดคล้องกับ กลยุทธ์ Asset Light & Portfolio Transformation และแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยโครงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ที่ ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset Monetization) เป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรักษาความมั่นคง ของบริษัทฯ โดยภายหลังจากการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว คาดว่าบริษัทฯ จะมีเงินสดเพิ่มขึ้น ช่วยทำให้ฐานะทางการเงิน ของบริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้น ลดภาระหนี้สิน และช่วยให้บริษัทฯ สามารถมุ่งเน้นธุรกิจหลัก โดยภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้ ดำเนินการโอนขายทรัพย์สิน บริษัทฯ จะเช่าทรัพย์สินกลับบางส่วนรวมถึงเข้ารับบริการท่าเทียบเรือและพื้นที่ส่วนกลาง ทำ ให้บริษัทฯ สามารถใช้ทรัพย์สินที่เช่าและรับบริการในการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่กระทบต่อการ ดำเนินงานของบริษัทฯ



มีมติอนุมัติแต่งตั้ง บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่่มีชื่ออยู่ ในบัญชีรายชื่อที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) ให้เป็นที่ปรึกษา ทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมการขายหุ้น และธุรกรรมการปรับโครงสร้างธุรกิจท่า 9 เทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ ดังกล่าว เพื่อจัดส่งรายงานความเห็นดังกล่าว ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ต่อไป


มีมติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2568 ในวันอังคารที่18 พฤศจิกายน 2568 เวลา 9.00 น. รูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) ตามพระราชกำหนดว่าด้วยการ ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 รวมถึงกฎหมายและระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและกำหนดให้วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่จะมีสิทธิในการเข้าประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่11/2568 เมื่อวันที่22 กันยายน 2568 ได้มีมติอนุมัติเห็นชอบให้บริษัทฯ ขายหุ้นสามัญของบริษัท คุราเร่ จีซี แอด วานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด (“KGC”) ให้ Kuraray Company Limited (“KRR”) ในสัดส่วนร้อยละ 20.1 โดยที่ประชุม คณะกรรมการ KRR ในวันที่ 25 กันยายน 2568 มีมติอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าการลงนามใน สัญญาซื้อขายหุ้นจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 และจะโอนหุ้นแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568 ภายหลังจากที่ การโอนหุ้นแล้วเสร็จ สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ จะลดลงจากร้อยละ 33.4 เป็นร้อยละ 13.3 ในขณะที่สัดส่วนการถือหุ้น ของ KRR จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 53.3 เป็น 73.4 และสัดส่วนการถือหุ้นของ Sumitomo Corporation (“SC”) คงอยู่ที่ ร้อยละ 13.3 ส่งผลให้การลงทุนของบริษัทฯ ใน KGC เปลี่ยนสถานะจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเป็นเงินลงทุนอื่น และการ ขายหุ้นดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานอย่างเป็นนัยสำคัญ การทำธุรกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุง โครงสร้างทางธุรกิจ (portfolio transformation) ของบริษัทฯ


ทั้งนี้รายงานสารสนเทศในครั้งนี้ ไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน และขนาดของรายการไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงาน สารสนเทศตามหลักเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน

 
บล.บัวหลวง  แนะนำซื้อ  PTTGC
 ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท


 
บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง  ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติ: 1) การขายหุ้น 35.43% ในบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด (TTT) (มูลค่า 4,403 ล้านบาท, อาจได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติมไม่เกิน 604 ล้านบาท) และ 2) การขายทรัพย์สินในธุรกิจท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์และเช่าทรัพย์สินกลับบางส่วน (มูลค่า 4,840 ล้านบาท) ทั้งนี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 18 พ.ย. (XM 8 ต.ค.) และคาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ใน 1Q26


View from fundamental: เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าวถึงแม้ว่าภาพกำไรระยะยาวอาจลดลงเล็กน้อย แต่จะมีกำไรพิเศษเข้ามาในปีหน้า และฐานะทางการเงินจะแข็งแกร่งขึ้น เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ (ราคาเป้าหมาย 28 บาท)
 
 

---จบ---