Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

105

 

SET ควานหาฐาน ช่วงรอปัจจัยหนุนใหม

HORIZON MARKET VIEW
•วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลงมาราว 0.2% - 0.95% หลังทำ ATH ไปแล้ว 28ครั้งในปีนี้ ท่ามกลาง VALUATION ที่ค่อนข้างสูง ขณะที่แรงกดดันหลักๆ มาจากหุ้นกลุ่มเทคฯ อย่างดัชนี MAGNIFICENT SEVEN ร่วง 1.5%
• ส่วนในการประชุมว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ GPCC ประธาน FED ไม่ได้ให้คำตอบชัดเจนว่าจะปรับลดดอกเบี้ยในรอบเดือน ต.ค. 68 พร้อมกับย้ำว่าตลาดแรงงานและเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยง อย่างไรก็ดี FEDWATCH TOOL คาดFED ลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 2 ครั้ง (รวมทั้งปี 3 ครั้ง) และ 2 ครั้งในปีหน้า
• ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.6% อยู่ที่ $63.75/บาร์เรล ซึ่งยังได้แรงหนุนจากความเสี่ยงด้านอุปทานรัสเซียและความตึงเครียดกับ NATO

 

REGION RADAR
•คาด GRAB HOLDINGS (GRAB US) มีโอกาสสูงที่กำไรกลับมาTURN AROUND ในปีนี้หลังจากที่บริษัทรายงานผลขาดทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2021 ล่าสุดบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2ออกมาแข็งแกร่ง และกลับมามีกำไร โดยแนะนำทยอยสะสมหุ้น GRAB
• ราคาหุ้นของ GRAB มีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อ หากเทียบกับ UBER ซึ่งดำเนินธุรกิจที่คล้ายกัน ตั้งแต่ UBER สามารถ TURN AROUND ได้ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นราว 200% ใน 2 ปีครึ่ง จึงหวังว่าราคาหุ้นมีโอกาสดีดตัวขึ้นได้ดีเช่นกัน

 

SYNAPSE STRATEGY
• ผ่านมาเกือบ 1 เดือน ไทยขาดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรูปธรรมหลังศาลรธน. วินิจฉัย คดีของ “อุ๊งอิ๊ง” ถึงถวายสัตย์ปฏิญาณครม.อนุทิน 1 ในวันนี้ (29 ส.ค. - 24 ก.ย.) ส่งผลให้นักลงทุนขายทำกำไรบางส่วน และต่างชาติเองขายหุ้นไทยมา 5 วันติด 9.2 พันล้านบาท
• กลยุทธ์ช่วง SET ขาดปัจจัยหนุนใหม่ แนะนำเก็งกำไรหุ้นน้ำมันPTTEP, BCP, SPRC และสะสมหุ้นปันผลสูง PTT6.8%, KTB 7.2%,CPN 4.3%, AP 7.8%, SPALI8.6% เป็นต้น

 

THAI FOCUS
• วันนี้ติดตาม 2 เหตุการณ์ ได้แก่ 1.ตัวเลขส่งออก-นำเข้าประจำเดือนส.ค.68 2.ครม.อนุทิน 1 เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน 24 ก.ย.68คาดแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า
• อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่า 3.2% มากสุดในเอเชีย(2H25) ทำให้ ธปท.จ่อถกสมาคมค้าทองสัปดาห์หน้า งัดมาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อค่าเงินบาทให้ตรงจุด และมีโอกาสสกัดให้ค่าเงินบาทชะลอการแข็งค่าได้ เนื่องด้วยการส่งออกของไทยถือเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ (ประมาณ 55–60% ของ GDP)

 

HORIZON MARKET VIEW

ตลาดหุ้นปรับฐาน สวนทางราคาน้ำมันเริ่มขยับขึ้นจากความเสี่ยงภูมิรฐศาสตร์
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลงมาราว 0.2% - 0.95% หลังทำ ATH ไปแล้ว 28 ครั้งในปีนี้ ท่ามกลางVALUATION ที่ค่อนข้างสูง ขณะที่แรงกดดันหลักๆ มาจากหุ้นกลุ่มเทคฯ อย่างดัชนี MAGNIFICENT SEVENร่วง 1.5%

ส่วนในการประชุมว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ GREATER PROVIDENCE CHAMBER OFCOMMERCE (GPCC) ประธาน FED (JEROME POWELL) ไม่ให้คำตอบชัดเจนว่าจะปรับลดดอกเบี้ยในรอบเดือน ต.ค. 68 พร้อมกับย้ำว่าตลาดแรงงานและเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยง อย่างไรก็ดีFEDWATCH TOOL คาดFED ลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 2 ครั้ง (รวมทั้งปี 3 ครั้ง) และ 2 ครั้งในปีหน้า


อีกประเด็นหนึ่งราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.6% อยู่ที่ $63.75/บาร์เรล หลังมีเหตุการณ์เครื่องบินรัสเซียละเมิดน่านฟ้าโปแลนด์ ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ เสนอให้ NATO ยิงเครื่องบินรัสเซีย หากละเมิดน่านฟ้าของประเทศสมาชิกพร้อมกับแสดงท่าทีสนับสนุนยูเครนมากขึ้น ขณะเดียวกันรัสเซียกำลังพิจารณา จำกัดการส่งออกดีเซลในบาง
บริษัท หลังถูกโจมตีโดยโดรนยูเครนหลายครั้ง ทำให้เกิดความกังวลเรื่องอุปทานลดลง

REGION RADAR
GRAB HOLDINGS เริ่มกลับมามีกำไร ปีนี้เป็นปีของการ TURNAROUND ที่น่าจับตา
หลังจากที่บริษัทมีการขาดทุนมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่เข้าตลาดช่วงปี 2021 ล่าสุดบริษัทรายงานผล
ประกอบการไตรมาส 2 ออกมาแข็งแกร่ง โดยรายได้รวมมีการเติบโต 23% YOY หนุนจากธุรกิจหลักอย่าง
DELIVERY และ MOBILITY


สำหรับเป้าหมายรายได้และกำไรของปี 2025 บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้จะอยู่ที่ $3.3 – $3.4 พันล้าน เพิ่มขึ้นราว
20% YOY ขณะที่ตั้งเป้า EBITDA อยู่ที่ $460 - $480 ล้าน เพิ่มขึ้นราว 50% YOY

 

สถิติในอดีตชี้ว่าราคาหุ้นของ GRAB ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกมากหากเปรียบเทียบกับ UBER
ตั้งแต่ที่ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าบริษัทจะเริ่มกลับมามีกำไร ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 35% อย่างไรก็ตาม จากสถิติในอดีตหากเปรียบเทียบกับผู้เล่นที่มีธุรกิจคล้าย GRAB อย่าง UBER ที่ก่อนหน้านี้บริษัทรายงานผลประกอบการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่บริษัทเริ่มกลับมามีกำไร ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นราว 200%โดยใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่ง ส่งผลให้GRAB มีความน่าสนใจในการลงทุนและบริษัทยังมีโอกาสที่จะ TURN AROUNDคล้ายกับตัว UBER ได้ในอนาคต

 

THAI FOCUS
หลายปัจจัยในประเทศที่ต้องติตตาม ... มีทั้งเรื่องดีและร้าย
วันนี้ติดตาม 2 เหตุการณ์ ได้แก่ 1.ตัวเลขส่งออก-นำเข้าประจำเดือน ส.ค.68 BLOOMBERG คาดว่าตัวเลขส่งออกจะอยู่ระดับ +6.7%(ลดลงจากเดือนก่อนหน้า +11.0%) สวนทางกับตัวเลขนำเข้าเดือน ส.ค.68 ที่เพิ่มขึ้น+9.3%YOY(เดือนก่อนหน้า +5.1%YOY)2.ครม.อนุทิน 1 เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน 24 ก.ย.68 คาดแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 25 ก.ย.68 ภายใต้ร่างคำแถลงนโยบาย หรือ “สมุดปกน้ำเงิน” กำหนดกรอบนโยบาย 4 ด้านหลัก ได้แก่
• เศรษฐกิจปากท้อง : นโยบายเร่งด่วน เช่น คนละครึ่ง ลดค่าทางด่วน โครงการโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ และการสานต่อ “หวยเกษียณ”
• ความมั่นคงและชายแดน : เสริมมาตรการปกป้องอธิปไตย
• ปัญหาสังคม : มุ่งแก้ความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต
• ภัยธรรมชาติและการเยียวยา : เตรียมมาตรการรับมือและช่วยเหลือประชาชน


ซึ่งหลังการจัดสรรงานตามนโยบายหลักที่ตั้งไว้ให้แต่ละกระทรวงแล้วเสร็จ รัฐบาลใหม่จะเริ่มเดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินเต็มรูปแบบได้ในต้น ต.ค.68 พร้อมเบิกจ่ายงบประมาณปี 69ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเหลือเกิน โดย 2H25 ค่าเงินบาทแข็งค่ามากกว่า 3.2% มากสุดในเอเชีย มาจากปัจจัยทั้ง CURRENT ACCOUNT ดีกว่าคาด, การเมืองคลี่คลาย มีเสถียรภาพเร็ว และพฤติกรรมของคนไทยที่นิยมลงทุนซื้อขายทองคำ ทำให้ธปท.จ่อถกสมาคมค้าทองสัปดาห์หน้า งัดมาตรการ “เกาถูกที่คัน” ลดผลกระทบต่อค่าเงินบาทให้ตรงจุด เพื่อจะสกัดให้ค่าเงินบาทอาจชะลอการแข็งค่าได้ เนื่องด้วยการส่งออกของไทยถือเป็น เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ (ประมาณ 55–60% ของ GDP)

 


SYNAPSE STRATEGY
SET ความหาฐาน ช่วงรอปัจจัยหนุนใหม่
ผ่านมาเกือบ 1 เดือน ไทยขาดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรูปธรรม หลังศาลรธน. วินิจฉัย คดีของ “อุ๊งอิ๊ง” ถึงถวายสัตย์ปฏิญาณครม. อนุทิน 1 ในวันนี้ (29 ส.ค. - 24 ก.ย.) ส่งผลให้นักลงทุนขายทำกำไรบางส่วน กดดันSET INDEX ลดระดับบวกลงเชื่อว่า SET ยังอยู่ในช่วงความหาฐานใหม่จากการขาดปัจจัยหนุนใหม่ และ PLAYERหลักๆ ยังขายต่อเนื่อง ประเมินแนวรับถัดไปของ SET ที่ 1270 จุด และ1255 จุด


และหากประเมินแรงขายในช่วง 5 วันที่ผ่านมา กองทุนขายสุทธิ -2.7 พันล้านบาท , พอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ -1.67 พันล้านบาท และที่สำคัญต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงถึง -9.2 พันล้านบาท

กลยุทธ์ช่วง SET ขาดปัจจัยหนุนใหม่ แนะนำเก็งกำไรหุ้นน้ำมัน PTTEP, BCP, SPRC และสะสมหุ้นปันผลสูง PTT6.8%, KTB 7.2%, CPN 4.3%, AP 7.8%, SPALI 8.6% เป็นต้น

 

 

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SKIN เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก

SKIN เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก

เด้ง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ไปตามกระแสตลาดหุ้นไทย ภาคเช้าที่ผ่านมาเด้งกลับ แต่ยังไปถึง 1280 จุด รอ...

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้