Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

(เพิ่มเติม) HotNews: LEO ร่วมโครงการ "JUMP+" ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซีอีโอเกตติวิทย์ มั่นใจช่วยสร้างการเติบโตและเพิ่มความมั่นใจต่อนักลงทุนสถาบันและผู้ถือหุ้น

150

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 22 กันยายน 2568)-------บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เข้าร่วมโครงการ "JUMP+" ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เสริมสร้างการเติบโตและพลังแข่งขันในเวทีระดับประเทศและภูมิภาค ควบคู่ยกระดับธรรมาภิบาล–ธุรกิจยั่งยืน ฟากซีอีโอ "เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์"  ระบุ มั่นใจช่วยสร้างการเติบโตและเพิ่มความมั่นใจต่อนักลงทุนสถาบันและผู้ถือหุ้น พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นผู้นำของธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Logistics)  ด้าน สมาคมฯ mai สนับสนุนบริษัทจดทะเบียน เข้าร่วมโครงการ JUMP+ สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน



 

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) เปิดเผยว่า การเข้าร่วมโครงการ JUMP+ ภายใต้การดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนและตลาดทุนไทยให้ยกระดับการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ จะต้องมีการจัดทำแผนธุรกิจ แผนด้านธรรมาภิบาลและแผนด้าน Climate Action ที่มีการเติบโตที่ชัดเจนและวัดผลได้ภายใน 3 ปี ( 2569 – 2571 ) ซึ่งก็สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ทาง LEO กำลังวางแผนธุรกิจ 3 ปี สำหรับช่วงเวลาปี 2569-2571 พอดี บริษัทฯ จึงเล็งเห็นประโยชน์อย่างมากที่จะใช้แนวทางของโครงการ JUMP+ มาเป็นกรอบในการวางแผนธุรกิจ 3 ปีของบริษัทฯ พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนในเรื่องของงบประมาณและคำแนะนำปรึกษาจากบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรของโครงการ JUMP+

 

โดย LEO ก็มีกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเดินหน้ายกระดับมาตรฐานธรรมาภิบาลและพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะ Green & Sustainable Logistics ที่บริษัทฯ ได้พัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลูกค้าลดต้นทุน ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

นอกจากนี้ LEO ยังมีแผนที่จะสร้าง Eco System & Platform เพื่อการขนส่งที่เป็น Sustainable Logistics และต่อยอดไปสู่ธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics มากขึ้น เพื่อสร้างความหลากหลายของแหล่งรายได้ และเพิ่มโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ให้กับบริษัท เพื่อให้การเข้าร่วมโครงการ JUMP+ ในครั้งนี้เกิดผลสำเร็จสูงสุด และช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว

 

"เรามั่นใจว่าการเข้าร่วมโครงการ JUMP+ จะไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตและการเป็นผู้นำของ Green & Sustainable Logistics และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้ถือหุ้น รวมถึงสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับ LEO ในฐานะผู้นำของธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Logistics) " นายเกตติวิทย์ กล่าว

 

สำหรับโครงการ JUMP+ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนให้ก้าวสู่มาตรฐานใหม่ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการ และการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยบริษัทที่เข้าร่วมจะได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งในเชิงงบประมาณที่ได้รับ การสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการสื่อสารกับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น

 

"บริษัทฯ ต้องขอขอบพระคุณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้ริเริ่มและจัดทำโครงการ JUMP+ ซึ่งเป็นโครงการที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากลได้อย่างมั่นคง" นายเกตติวิทย์ กล่าวในที่สุด

 


ด้าน นายวิรัฐ สุขชัย นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (maiA) กล่าวถึงโครงการ JUMP+ ว่าเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตของบริษัทจดทะเบียน และเพิ่มมูลค่าตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน

 

ที่ผ่านมามีการจัดงาน “Get Ready to JUMP+” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ และเตรียมความพร้อม แก่บจ.ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ด้วยกระบวนการต่างๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ได้แก่ การจัดทำแผนธุรกิจ แผนเกี่ยวกับ ESG และแนวทางเรื่องธรรมาภิบาล (CG) เป็นต้น


“เชื่อว่าถ้า บจ.สามารถดำเนินการผ่านกระบวนการต่างๆ ได้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และสร้างมูลค่า เพิ่มให้กับบริษัทที่เข้าร่วมโครงการได้” นายวิรัฐ กล่าว

 

ด้านนายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ อุปนายกสายงานบริหารและพัฒนาองค์กร สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) กล่าวเสริมว่า บริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนทางการเงิน (Financial Support) ประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อจูงใจและลดภาระของบริษัทที่เข้าร่วม โดยเรียกเองเพื่อให้เข้าใจง่ายว่าสูตร "3155" ได้แก่

-3 ล้านบาท: สำหรับการจัดทำแผนธุรกิจ

-1 ล้านบาท: สำหรับการจัดทำแผนคาร์บอนเครดิต

-5 แสนบาท: สำหรับการจัดทำแผนธรรมาภิบาล (CG)

-รางวัลอีก 5 แสนบาท: หากบริษัทสามารถสร้างผลการดำเนินงานเฉลี่ยใน 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2569-2571) ได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของ 3 ปีย้อนหลัง


“โครงการนี้หากปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ครบถ้วนแล้ว แม้ว่าในอนาคตผู้ร่วมโครงการไม่สามารถทำตามได้แผน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะจะไม่มีการเรียกเงินคืน แต่ในทางตรงกันข้าม หากสามารถทำได้ดีจะได้รับรางวัลตอบแทน ทำให้บริษัทที่เข้าร่วมมีแต่ได้ประโยชน์ (win-win situation)” นายสมพล กล่าว

ด้านนางสาวสินสิริ ทังสมบัติ หัวหน้าสายงานสอบบัญชี และหุ้นส่วน ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ ประเทศไทย หรือ pwc กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า pwc เป็นพันธมิตรกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ตลาด เอ็ม เอ ไอ โดยบริษัทจะให้ความช่วยเหลือบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ช่วยดูแลด้านการเขียนแผน Strategy ให้เป็นไปตามความต้องการของตลท. และดูแลแผนงานด้าน Governance พร้อมให้คำแนะนำเรื่อง ESG เป็นต้น

ปัจจุบันโครงการ JUMP+ มีบริษัทจดทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 50 บริษัท และมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้ง SET และ mai ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ที่พร้อมยกระดับธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

---จบ---

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้